การตรวจสอบความน่าเชื่อถือ ที่ eBay |
สินค้าที่ขายในเวบ อีเบย์ (eBay.com) นั้น มาจากผู้ขายเป็นหมื่นๆคนนะครับ
ไม่ใช่สินค้าที่ทางเจ้าของเวบ (คือ อีเบย์ ) นำมาขายเองแต่อย่างใด
ด้วยความที่ผู้ขาย (หรือเรียกว่า พ่อค้าก็ได้) มาจากคนร้อยพ่อ พันแม่ ดังนั้น เรา (ในฐานะลูกค้า) ซึ่งยังไม่เคยซื้อสินค้ากับพ่อค้าคนนี้มาก่อน จึงยังไม่ทราบว่าสินค้าจากคนขายคนนี้จะมีปัญหาอะไรหรือไม่ ยกตัวอย่างเช่น คนขายคนนี้ อาจเคยส่งสินค้าผิดสี ผิดขนาดให้ลูกค้า หรือว่าถ้าเป็นสินค้าจำพวกตุ๊กตาที่แตกได้ คนขายคนนี้ก็อาจห่อ Package ไม่ดี จนสินค้าแตกหักได้ หรือว่า คนขายคนนี้ อาจเอาของปลอมมาขายก็ได้ ฯลฯ เรา (ในฐานะลูกค้า) ไม่จำเป็นต้อง "ลองซื้อ" กับคนขายคนนี้ก่อน เพื่อจะดูว่าการส่งสินค้ามีปัญหาหรือไม่ / เพราะเราสามารถอาศัยประโยชน์จาก ลูกค้าในอดีต ที่เคยซื้อสินค้ากับพ่อค้าคนนี้น่ะครับ โดยมีวิธีการดังนี้คือ |
![]() ![]() |
(ภาพบน) ให้ "คลิ๊ก" ไปที่เลขที่อยู่หน้ารูปดวงดาว
ตรงที่ ลูกศรสีเขียว
ชี้อยู่ (ที่เขียนว่า 2228) อย่าไปคลิ๊กตรงที่เลขเปอร์เซ็นต์ 99.8 % นะครับ |
![]() |
(ภาพบน) จากนั้น ระบบคอมพิวเตอร์ ก็จะพาเรามาที่หน้าเวบข้างบนนี้ |
![]() ![]() |
(ภาพบน) ให้เราพิจารณาแค่สามจุดเท่านั้นครับ คือ
1.จำนวนครั้งที่ส่งสินค้า (ตรงที่ ลูกศรสีเขียว ชี้อยู่) 2.วันที่คนขายคนนี้ สมัครที่อีเบย์ (ตรงที่ ลูกศรสีน้ำเงิน ชี้อยู่) 3.การให้ Feedback แบบ Negative (ตรงที่ ลูกศรสีแดง ชี้อยู่) อธิบายได้ดังนี้ |
![]() |
(ภาพบน)
ตรงที่ ลูกศรสีเขียว
ชี้อยู่นั้น เขียนไว้ว่า 2288 ซึ่งมันก็คือจำนวนการทำธุรกรรม (บนอีเบย์)
ของคนขายรายนี้ ก็อาจจะหมายถึงว่า คนขายคนนี้ ได้ขายสินค้ามาทั้งหมด 2,288
รายการแล้ว ก็แสดงว่ามีประสบการณ์ในการขายของบนอีเบย์ ที่ใช้ได้ครับ
คือขายมานาน และขายได้ 2,288 ชิ้นแล้ว ประการต่อมา คือตรงที่ ลูกศรสีน้ำเงิน ชี้อยู่ เขียนไว้ว่า Member since : Dec-10-04 ก็หมายความว่า คนขายรายนี้ สมัครเป็นสมาชิกที่อีเบย์ตั้งแต่วันที่ 10 ธันวาคม ค.ศ.2004 ซึ่งในส่วนนี้ เราก็เก็บไว้เป็นข้อมูลในใจของเรา เพื่อที่เราจะได้ไว้พิจารณาว่า ร้านนี้เปิดมานานหรือยัง (นับถึงวันที่กำลังอ่าน) ถ้าเปิดมานานแล้ว ก็เป็นการแสดงให้เห็นว่าร้านนี้มีความมั่นคงพอสมควร สินค้าที่จะซื้อนั้น ก็พอจะมีความน่าไว้ใจ น่าเชื่อถือ / แต่ถ้าพึ่งเปิดร้าน ก็ต้องพิจารณาว่า จะไว้ใจได้ไหม จะส่งของเป็นไหม (คำว่าส่งของเป็นไหม? ก็หมายถึงว่า จะห่อ Package ดีไหม ของจะแตกหักหรือเปล่า ฯลฯ ) / จากนั้น ให้พิจารณาอีกส่วนหนึ่ง ดังภาพข้างล่างนี้ |
![]() |
(ภาพบน)
ให้เราพิจารณาเฉพาะส่วนที่เขียนว่า Negative เท่านั้น (ตรงที่
ลูกศรสีแดง ชี้อยู่)
โดยที่ส่วนอื่นไม่ต้องไปสนใจ / เหตุที่เราต้องสนใจส่วนนี้เป็นพิเศษ
ก็เพราะส่วนนี้แหละครับ ที่จะเป็นตัวบอกเราว่าคนขายคนนี้มีพฤติกรรมที่
"ไม่ดี" อย่างไร / ส่วนพวกพฤติกรรมดีๆ ซึ่งจะเขียนไว้ตรง Positive
หรือพฤติกรรมแบบปานกลาง ที่เขียนไว้ตรง Neutral นั้น ไม่ต้องไปสนใจครับ
เพราะไม่มีประโยชน์อะไรกับเราเลย
|
![]() |
(ภาพบน)
ตรงที่ลูกศรสีเหลืองชี้อยู่นั้น คือตัวบอกว่า เป็นการเก็บข้อมูล ในรอบ 1
เดือน ,6 เดือน และ 12 เดือน ซึ่งเราก็เอามาใช้พิจารณาประกอบกับพฤติกรรม
"ไม่ดี" ของคนขายรายนี้ได้ ยกตัวอย่างดังนี้
|
![]() |
(ภาพบน) ให้ลอง "คลิ๊ก" ตรงบริเวณที่ ลูกศรสีเหลือง ชี้อยู่ในภาพข้างบน ซึ่งบริเวณนี้ เขียนไว้ว่า 2 ก็หมายความว่า คนขายคนนี้ ในรอบ 6 เดือนนี้ มีพฤติกรรมไม่ดี 2 ครั้ง / เมื่อ "คลิ๊ก" เสร็จแล้ว เราก็มาดูว่าพฤติกรรมที่ไม่ดีนั้น คืออะไรบ้าง |
![]() ![]() |
(ภาพบน) มันจะมีการลงความเห็น ของลูกค้าในอดีต ในรอบ 6 เดือนที่รายงานพฤติกรรมที่ไม่ดีของคนขายคนนี้ให้เราอ่านครับ ตรงที่ ลูกศรสีแดง ชี้อยู่ ไล่ลากยาวลงมาข้างล่างเลยครับ มีทั้งหมด 2 รายการ / ลองมาอ่านดูเล่นๆกันสักรายการ ดังนี้ครับ |
![]() ![]() |
(ภาพบน)
ผู้ซื้อ พูดถึงพฤติกรรมไม่ดีของคนขายรายนี้ว่า ยังไม่ได้รับสินค้าเลย
(ตรงที่ ลูกศรสีแดง
ชี้อยู่) / จากนั้น ผู้ขาย คือนาย aldajewelryauctions
ได้เข้ามาแก้ตัว ด้วยการตอบ (Reply) ตรงที่
ลูกศรสีเขียว ชี้อยู่
ว่าสินค้าอาจจะติดอยู่ที่ด่านศุลกากรก็ได้
และได้ลองส่งสินค้าให้ถึงสองครั้งแล้ว สิ่งที่คุณลูกค้าอ่านมานั้น เขาเรียกว่าการให้คะแนน หรือเรียกว่าการให้ Feedback แบบติดลบ (คือ Negative น่ะครับ) โดยมีการบันทึก หรือ Comment ถึงสาเหตุที่ให้คะแนนติดลบนั้นไว้ด้วย / โดยผู้ให้คะแนนติดลบที่ว่านี้ ก็คือลูกค้าที่เคยซื้อสินค้าจากผู้ขายรายนี้ในอดีตนั่นเอง ซึ่งจะเป็นผลดีต่อลูกค้าหน้าใหม่อย่างเรา ว่า ไอ้เรื่องที่คนขายรายนี้ถูกด่านั้น เป็นเรื่องอะไร ถ้ามันร้ายแรงมาก เราก็จะได้หลีกเลี่ยง ไม่ซื้อสินค้าจากพ่อค้าคนนี้ |
![]() |
(ภาพบน)
จากสินค้าที่เอามาให้ดูเป็นตัวอย่างนี้ ซึ่งก็คือหินลาวา สมมติว่า
สิ่งที่เรากังวลใจที่สุดเมื่อจะซื้อสินค้าชิ้นนี้คือ "จะปลอมหรือเปล่า?"
(ส่วนความกังวลอื่นๆ เช่น จะห่อพัสดุ ห่อ Package มาดีหรือเปล่านั้น
ก็ยังไม่สำคัญเท่ากับเรื่องว่าปลอมหรือไม่ปลอม) /
เมื่อใช้เทคนิคที่ทางทีมงาน Tuvagroup.com แนะนำมาในหน้านี้ ก็สรุปได้ว่า 1.คนขายคนนี้ ขายของมา 2,288 ชิ้นแล้ว น่าจะมีประสบการณ์การขายของ ถ้าขายของปลอม คงโดนฟ้องร้อง และคงต้องเลิกขายไปนานแล้ว 2.คนขายคนนี้ เปิดร้านมา 8 ปีแล้ว ก็น่าจะมีความมั่นคงแล้ว คงไม่คิดจะขายของปลอมหรอกน่า 3.ในรอบ 6 เดือนนี้ เรื่องที่ถูกด่าคือเรื่องไม่ได้รับของ ซึ่งอาจจะติดอยู่ที่ด่านศุลกากรจริงๆก็ได้ แต่ที่แน่ๆคือ ยังไม่มีลูกค้าคนไหนมาด่าว่า สินค้าของคนขายรายนี้เป็นของปลอม 4.เอาข้อ 1 มาพิจารณาร่วม ก็จะได้ข้อสรุปว่า พึ่งจะโดนด่าแค่ 2 ชิ้นในรอบ 6 เดือน ก็แสดงว่าอัตราส่วนที่ลูกค้าพอใจนั้น มีมากกว่าลูกค้าที่ไม่พอใจ จึงสรุปได้ว่า เราน่าจะซื้อสินค้าจากคนขายรายนี้ได้ เพราะสินค้านั้นไม่ใช่ของปลอม ทิ้งท้าย การอ่าน Feedback ติดลบ ตามที่ทางทีมงานแนะนำมานี้นั้น บางที ก็ต้องเข้าใจด้วยว่า "ร้านค้าคู่แข่ง" เขาก็แกล้งทำเป็นซื้อสินค้าจากคนขายรายนี้ แล้วพอได้รับของ ก็แกล้งมา "ใส่ไฟ" โดยมาใส่ Feedback แบบติดลบให้กับคนขายรายนี้ เพื่อทำลายคู่แข่งก็เป็นได้นะครับ ดังนั้น การอ่าน Feedback ติดลบ เราก็ต้องอ่านเอาไว้หลายๆอันด้วยครับ แล้วใช้วิจารณญาณของเราเอาเองว่าสมควรจะซื้อสินค้าชิ้นนี้จากพ่อค้ารายนี้หรือไม่ (อย่าหวังพึ่งให้ทางทีมงาน Tuvagroup.com ตัดสินใจแทนนะครับ เพราะว่าทางทีมงานไม่มีเวลามากพอที่จะมานั่งอ่าน Feedback แบบติดลบให้คุณลูกค้าน่ะครับ) |
- END - |