เมื่อไรจะได้รับพัสดุ


* * * หากภาพในหน้าเวบนี้ขึ้นไม่ครบ กรุณาคลิ๊กที่ปุ่ม "Reload this page" นะครับ  /  ถ้าหาปุ่มนี้ไม่พบ ให้อ่านคำแนะนำที่ลิงก์นี้ครับ   http://www.tuvagroup.com/7fvhp-A-03-Q-591211-1724.html 

- - - - - - - - - - - - - - - - - - -

       การสั่งซื้อสินค้าออนไลน์จากต่างประเทศ มีความแตกต่างจากการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ในประเทศไทย  นั่นก็คือ ถ้าเราสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ในประเทศไทย เพียงไม่เกิน 3 วัน เราก็จะได้รับสินค้าแล้ว เหตุผลก็เพราะว่า เมื่อผู้ขายนำกล่องพัสดุไปส่งให้บริษัทไปรษณีย์ไทยดำเนินการต่อ  เจ้ากล่องพัสดุสินค้านั้น ก็จะเดินทางเพียง "ขั้นตอนเดียว" คือเดินทางจากบริษัทไปรษณีย์ไทย แล้วตรงไปที่บ้านลูกค้าเลย  ด้วยเหตุนี้ การซื้อสินค้าออนไลน์ในประเทศไทยด้วยกันเอง จึงได้รับของภายในเวลาไม่เกิน 3 วัน  


       แต่การสั่งซื้อสินค้าออนไลน์จากต่างประเทศจะแตกต่างออกไป  เพราะการเดินทางของกล่องพัสดุสินค้านั้น จะต้องเดินทาง "หลายขั้นตอน"

       ซึ่งเมื่อกล่องพัสดุสินค้าต้องมีการเดินทาง "หลายขั้นตอน" ก็เลยเป็นเหตุให้ลูกค้าได้รับพัสดุสินค้าช้ากว่าการซื้อสินค้าออนไลน์ในประเทศไทยด้วยกันเป็นอยางมาก



รหัสภาพ Efvhp-A-02-V-590512-2232-b01.jpg

       ( ภาพบน ) ในการอธิบายนั้น ทีมงานขอยกตัวอย่างมาให้ดู ดังเคสที่เห็นในภาพข้างบนนี้นะครับ

       เคสที่เห็นในภาพข้างบนนี้ก็คือว่า คุณลูกค้าท่านนี้ อยากจะได้รับสินค้าชิ้นนี้จากประเทศอเมริกา ให้ส่งถึงมือตัวเอง ( ที่ประเทศไทย ) ในเวลาไม่เกิน 2 - 4 วัน

       และเมื่อเห็นข้อความตรงที่มี ขีดเส้นใต้สีแดง ขีดอยู่ในภาพข้างบนนี้ ก็เลยมั่นใจว่าถ้าโอนเงินให้คนขายคนนี้เมื่อไร  ก็จะต้องได้รับพัสดุสินค้าถึงมือภายในเวลา 2 - 4 วันนับจากวันที่ทีมงาน tuvagroup.com โอนเงินให้คนขายเป็นแน่


       แต่พอทีมงาน tuvagroup.com ดำเนินการสั่งซื้อให้แล้ว ( คือทีมงานโอนเงินให้คนขายเรียบร้อยแล้ว )  ปรากฏว่า คุณลูกค้าต้องรอนาน "เป็นเดือนๆ" กว่าที่สินค้าจะถึงมือ ???  /  เกิดอะไรขึ้น! มีอะไรผิดพลาดหรือ? ทำไมถึงไม่ได้รับภายใน 2 - 4 วันตามที่คนขายเขาเขียนไว้

       คำตอบก็คือว่า ไม่มีอะไรผิดพลาดหรอกครับ แต่ "ระบบ" มันเป็นอย่างนั้นเอง ( คำว่า "ระบบ" ในที่นี้ หมายถึง "รูปแบบ" การเดินทางของกล่องพัสดุสินค้าของคุณ ที่ต้องเดินทางออกจากมือของผู้ขาย จนกระทั่งเดินทางมาถึงมือของลูกค้า ( คือคุณ ) ที่ประเทศไทย )


       คำว่า "ระบบ" มันเป็นอย่างนั้นเอง นั้น ทีมงานได้พูดเปรียบเทียบให้ฟังไปก่อนหน้านี้แล้วว่า

       ถ้าเป็น "ระบบ" ของการซื้อสินค้าออนไลน์ในประเทศไทยด้วยกัน - ลูกค้าก็จะได้รับกล่องพัสดุสินค้าถึงมือภายในไม่เกิน 3 วัน เพราะมันเป็นการส่งกล่องพัสดุสินค้าแบบ "ขั้นตอนเดียว" คือส่งโดยบริษัทไปรษณีย์ไทย ตรงไปที่บ้านลูกค้าเลย


       ถ้าเป็น "ระบบ" ของการซื้อสินค้าออนไลน์จากต่างประเทศ - ลูกค้าจะได้รับกล่องพัสดุสินค้าถึงมือแบบช้ามาก นั่นก็เพราะว่า การส่งกล่องพัสดุสินค้าจากมือคนขายที่อยู่ต่างประเทศ มาถึงมือลูกค้าที่อยู่ในประเทศไทยนั้น  กล่องพัสดุสินค้าดังกล่าว  มันจะต้องผ่านการเดินทาง "หลายขั้นตอน"


* * * ดังนั้น คุณต้องเปลี่ยนคำถามใหม่!

       เพราะถ้าคุณถามว่า ทำไม เวลาสั่งซื้อสินค้าจากต่างประเทศ ถึงต้องรอนานมากๆขนาดนี้? ถ้าคุณถามมาอย่างนี้  ทีมงานก็ตอบได้สั้นๆว่า ก็เพราะ "ระบบ" ของการสั่งซื้อสินค้าจากต่างประเทศมันเป็นอย่างนั้นเอง  /  ซึ่งคำตอบนี้ มันไม่ทำให้คุณเกิดความกระจ่าง 

       คุณควรจะตั้งคำถามเสียใหม่ว่า "ระบบ" ของการสั่งซื้อสินค้าจากต่างประเทศมันเป็นอย่างไร? นี่สิครับ ถึงจะเป็นคำถามที่ถูกต้อง

       และเมื่อคุณตั้งคำถามได้ถูกต้องแล้ว ( คือคุณตั้งคำถามว่า "ระบบ" ของการสั่งซื้อสินค้าจากต่างประเทศมันเป็นอย่างไร? ) ทีมงานก็ขอตอบ ด้วยการอธิบายดังนี้นะครับว่า  "ระบบ" ของการสั่งซื้อสินค้าจากต่างประเทศก็คือว่า  การส่งกล่องพัสดุสินค้าจากมือคนขายที่อยู่ต่างประเทศ มาถึงมือลูกค้าที่อยู่ในประเทศไทย มันต้องผ่านขั้นตอน "หลายขั้นตอน"


       และในหน้าเวบนี้ ทีมงานจะแจงให้คุณผู้อ่านได้เรียนรู้ว่า ไอ้เจ้าคำพูดที่ว่า "หลายขั้นตอน" นั้น มันมีอะไรบ้าง?

       โดยจะเริ่มต้นตรงที่ เรา ( ซึ่งคือตัวลูกค้า ) ได้โอนเงินค่าสินค้าพร้อมค่าส่ง โอนไปให้คนขายที่อยู่ต่างประเทศเรียบร้อยแล้วนะครับ มาดูกันเลยครับ 



ขั้นตอนที่หนึ่ง - "1 - 5 วัน"

สำหรับ Processing Time



       คำว่า Processing Time ในที่นี้หมายถึง ระยะเวลาในการดำเนินการจัดเตรียมสินค้า จนกระทั่งเอากล่องพัสดุสินค้ากล่องนั้น นำไปขึ้นเครื่องบินที่สนามบิน

       อธิบายได้ดังนี้ว่า หลังจากที่ลูกค้าโอนเงินให้กับคนขายแล้ว  สมมติว่าโอนเงินให้คนขายวันอังคาร  คนขายก็ใช้เวลาในวันนั้น ( คือวันอังคาร ) ทำการห่อกล่องสินค้าให้เรียบร้อย  /  พอวันรุ่งขึ้น คนขายก็นำกล่องพัสดุสินค้านั้น ไปส่ง ณ.ที่ทำการไปรษณีย์ ( คือวันพุธ )  /  แล้วที่ทำการไปรษณีย์ ก็นำพัสดุกล่องนั้นไปส่งที่สนามบินในวันถัดไปเลย ( คือวันพฤหัส )  /  กรณีนี้ ถือได้ว่า Processing Time ใช้เวลา 3 วัน คือวันอังคาร ,วันพุธ และวันพฤหัส

       คราวนี้สมมติว่า เป็นกรณีที่ว่า ลูกค้าโอนเงินให้คนขายวันศุกร์ตอนหัวค่ำ ( ตามเวลาที่ประเทศอเมริกา )  คนขายก็เลยต้องรอเบิกของจากโกดังในวันจันทร์  /  พอถึงวันจันทร์ คนขายก็ไปเอาสินค้าออกมาจากโกดัง มาทำการห่อกล่องสินค้าให้เรียบร้อย แล้วนำไปส่ง ณ.ที่ทำการไปรษณีย์ในวันนั้นเลย ( คือส่งที่ทำการไปรษณีย์ในวันจันทร์ )  /  แล้วที่ทำการไปรษณีย์ ก็นำกล่องพัสดุสินค้ากล่องนั้น ไปส่งที่สนามบินในวันถัดไป ( คือวันอังคาร )  /  กรณีนี้ ถือได้ว่า Processing Time ใช้เวลา 5 วัน คือวันศุกร์ ( รับเงินจากลูกค้าตอนหัวค่ำ ) ,วันเสาร์ ( รอเบิกสินค้าจากโกดัง ) ,วันอาทิตย์ ( รอเบิกสินค้าจากโกดัง ) ,วันจันทร์ ( เบิกสินค้ามาห่อกล่อง แล้วนำกล่องพัสดุสินค้านั้นไปส่ง ณ.ที่ทำการไปรษณีย์ ) และวันอังคาร ( บริษัทไปรษณีย์นำกล่องพัสดุสินค้านั้นไปขึ้นเครื่องบินที่สนามบิน


* * * ถ้าคุณผู้อ่านจะถามว่า ตกลงว่าลูกค้าต้องรอ "ขั้นตอนที่หนึ่ง" ซึ่งก็คือการรอในช่วงของ Processing Time กี่วันกันแน่?  คำตอบก็คือว่ามัน "ไม่แน่นอน" เพราะมันขึ้นกับว่าคุณลูกค้าโอนเงินให้คนขายวันไหน? ( อย่าลืมว่าเวลาของประเทศไทยกับอเมริกาจะเคลื่อนกันประมาณ 10 - 12 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับว่าเป็นรัฐไหนของอเมริกา ) รวมไปถึงปัจจัยอื่นๆด้วย เช่น นิสัยส่วนตัวของคนขาย ( หมายถึงความรับผิดชอบ ) , ความใกล้ไกลจากบ้านของคนขาย ไปถึงที่ทำการไปรษณีย์ รวมถึงสภาพภูมิอากาศ ( ทีมงานเคยเจอเคสที่คนขาย "เสื้อกันหนาว" ใช้เวลา Prcessing Time นานเป็นอาทิตย์ ด้วยเหตุผลที่ว่า บ้านคนขายอยู่ในชนบทห่างไกลความเจริญ  และหิมะตกหนักจนถนนสัญจรไปมาไม่ได้  /  ก็เลยต้องรอหลายวันกว่าจะเคลียร์ถนนให้รถวิ่งไปมาได้  จากนั้นจึงค่อยเดินทางหลายสิบกิโลมาส่งพัสดุสินค้า ณ.ที่ทำการไปรษณีย์ ในตัวเมือง  ก็เลยทำให้ Processing Time ใช้เวลามากเป็นอาทิตย์ )

       อย่างไรก็ตาม จากประสบการณ์ของทีมงานในรอบ 11 ปีนี้ ทีมงานขอใช้การเฉลี่ย จากการที่บางเคสก็ใช้เวลาน้อย บางเคสก็ใช้เวลามาก เป็นว่า Processing Time คือ 3 วัน ( โดยเฉลี่ย ) ก็แล้วกันนะครับ



ขั้นตอนที่สอง - "19 วัน"

สำหรับการรอในช่วงขั้นตอนของเจ้าพนักงานศุลกากร



       เมื่อกล่องพัสดุสินค้าเดินทางมาถึงประเทศไทยเรียบร้อยแล้ว  ก็จะมีเจ้าพนักงาน นำพัสดุสินค้าทั้งหมดในเครื่องบินลำนั้น ไปเข้าสู่ขั้นตอนวิธีการทางศุลกากรในทันทีเลยนะครับ

       ขั้นตอนวิธีการทางศุลกากรที่ว่านี้ ก็ได้แก่การนำกล่องพัสดุสินค้า "ทั้งหมด" ( คือของคุณด้วย ของคนอื่นที่ส่งมาในเที่ยวบินเดียวกันนี้ด้วย ) ไปตรวจสอบว่ามีสิ่งผิดกฏหมาย หรือผิดระเบียบศุลการกร ( เช่น ยาเสพติด หรือ อาวุธปืน ฯลฯ ) แอบใส่มาในกล่องพัสดุนั้นด้วยหรือเปล่า  รวมไปถึงเรื่องการคำนวณภาษีกับสินค้าในกล่องพัสดุแต่ละกล่องด้วย 

       ขั้นตอนวิธีทางศุลกากรที่ว่านี้ ใช้ประมาณเวลา "19 วัน" นะครับ   ถามว่า เลข "19 วัน" เอามาจากไหน? ดูคำตอบได้จากภาพข้างล่างนี้นะครับ  



รหัสภาพ Efvhp-A-02-V-590512-2232-b02.jpg
( ภาพบน ) การเช็คสถานะสินค้า


       ( ภาพบน ) รายละเอียดในรูปข้างบนนี้ มาจากการที่ทางทีมงาน tuvagroup.com ได้เช็คสถานะสินค้าให้ลุกค้าท่านหนึ่งเอาไว้  โดยผลการเช็คถสถานะ ปรากฏดังที่เห็นในภาพข้างบนนี้นะครับ  ซึ่งข้อมูลที่ได้ก็คือว่า 

       พัสดุสินค้าเดินทางมาถึงประเทศไทยเมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน  จากนั้นก็นำไปดำเนินการตามวิธีการทางศุลกากร


       ตรงที่ ลูกศรสีแดง ชี้อยู่ในภาพข้างบนนี้ - คุณจะเห็นได้ว่า มีการบิดเบือนลงไปในเอกสารว่า "ของออกจากหน่วยงานศุลกากรท้องถิ่นแล้ว" ( Out of Foreign Customs ) ทำให้ดูเหมือนว่าพัสดุสินค้าอยู่กับศุลกากรแค่วันเดียว ( คือระหว่างวันที่ 30 พ.ย. ถึงวันที่ 1 ธ.ค. เท่านั้น ) แล้วปล่อยพัสดุสินค้าออกจากด่านเลย  แต่จริงๆแล้ว ...( ข้างล่างนี้ )


       ตรงที่ ลูกศรสีเขียว ชี้อยู่ในภาพข้างบนนี้ - จะเห็นว่าคุณลูกค้าท่านนี้ได้รับพัสดุสินค้า ( ใช้ศัพท์ว่า Delivered ) ถึงมือเรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม

* * * ซึ่งจากคำพูดที่ทีมงานพูดไว้ก่อนหน้านี้ที่ว่า ถ้าเป็นการที่คนไทย ส่งพัสดุให้คนไทยด้วยกัน ภายในประเทศไทยด้วยกัน ก็จะใช้เวลาไม่เกิน 3 วัน


* * * คือหมายความว่า เมื่อคนไทย นำกล่องพัสดุ "เข้าสู่ระบบ" ของไปรษณีย์ไทยเมื่อไร ( หมายถึงการนำกล่องพัสดุไปส่ง ณ.ที่ทำการไปรษณีย์เมื่อไร ) ก็ให้นับจากวันที่นำกล่องพัสดุ "เข้าสู่ระบบ" นั้น ไปข้างหน้า 3 วัน  ผู้รับก็จะได้รับพัสดุนั้นแล้ว ( เช่น ถ้าส่งวันที่ 1  ผู้รับ ก็จะได้รับวันที่ 4 )


* * * คราวนี้ พอเราดูในภาพข้างบนนี้ จะเห็นว่า ผู้รับ ได้รับพัสดุสินค้าเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม  ( ตรงที่ ลูกศรสีเขียว ชี้อยู่ในภาพข้างบนนี้


* * * นั่นก็หมายความว่า พัสดุสินค้าชิ้นนี้ ต้องพึ่ง "เข้าสู่ระบบ" ของไปรษณีย์ไทย เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม  ( ซึ่งก็คือ 3 วัน ก่อนที่จะถึงวันที่ 22 ธันวาคม )


* * * คือพูดง่ายๆว่า วันที่ 19 ธันวาคม คือวันที่พัสดุสินค้าพึ่งจะออกจากด่านศุลกากร แล้วมา "เข้าสู่ระบบ" ของไปรษณีย์ไทยนั่นเอง - ไม่ งง นะครับ


* * * นั่นก็หมายความว่า ระยะเวลาที่พัสดุสินค้าอยู่ในช่วงการดำเนินการตามวิธีการทางศุลกากร ก็คือการเอา 19 ธันวาคม ( วันที่พัสดุสินค้าออกจากด่านศุลกากร ) - ( ลบด้วย ) 30 พ.ย. ( คือวันที่พัสดุสินค้าถูกนำมาเข้าด่านศุลกากร ) = 19 วัน


สรุปว่า แม้ว่า เวลาที่เราดูผลการเช็คสถานะในภาพข้างบนนี้ เราอาจจะคิดว่า สินค้าอยู่ในความดูแลของไปรษณีย์ไทย ถึง 21 วัน แต่ความจริงแล้ว มันไปอยู่ในความดูแลของด่านศุลกากร 19 วัน ต่างหาก ( แล้วจึงมาอยู่กับไปรษณีย์ไทยอีก 3 วัน )

       จึงสรุปได้ว่า การเดินทางใน ขั้นตอนที่สอง ของกล่องพัสดุสินค้าก็คือ การที่กล่องพัสดุสินค้านั้น มาอยู่ในความดูแลของฝ่ายศุลกากร เป็นเวลา 19 วัน นั่นเอง



ขั้นตอนที่สาม - "3 วัน"

สำหรับ "ขั้นตอนตามปกติ" ของการส่งพัสดุโดยบริษัทไปรษณีย์ไทย



รหัสภาพ Efvhp-A-02-V-590512-2232-b03.jpg
( ภาพบน ) ไปรษณีย์ไทยไปรับของจากด่านศุลกากร



รหัสภาพ Efvhp-A-02-V-590512-2232-b04.jpg
( ภาพบน ) ไปรษณีย์ไทย นำพัสดุส่งถึงมือลูกค้า

ภาพข้างบนนี้มาจาก pantip.com และ itmoomoo.wordpress.com


       ( ภาพบน ) หลังจากที่พัสดุสินค้าผ่าน ขั้นตอนที่สอง ( ซึ่ง ขั้นตอนที่สอง ก็คือช่วงที่พัสดุสินค้าอยู่ในความดูแลของเจ้าพนักงานศุลกากร )  บริษัทไปรษณีย์ไทยก็จะไปรับพัสดุสินค้าออกมาจากด่าน ซึ่งเป็นไปตามขั้นตอนดังนี้คือ

       เมื่อบริษัทไปรษณีย์ไทยมารับพัสดุสินค้าจากด่านแล้ว พัสดุสินค้านั้นก็จะ "เข้าสู่ระบบ" การส่งพัสดุของบริษัทไปรษณีย์ไทย


       ซึ่งเมื่อกล่องพัสดุสินค้านั้น "เข้าสู่ระบบ" การส่งพัสดุของบริษัทไปรษณีย์ไทยแล้ว พัสดุสินค้านั้นก็จะถึงมือผู้รับ ( ลูกค้า ) ภายใน 3 วัน


       นั่นก็หมายความว่า ใน ขั้นตอนที่สาม ( ที่เรากำลังพูดถึงในหัวข้อนี้ ) - ก็คือการรอ "3 วัน" อันเป็นไปตาม "ขั้นตอนตามปกติ" ของการส่งพัสดุโดยบริษัทไปรษณีย์ไทยนั่นเอง 





 
ขอแทรกนิดนึงครับ 

อย่าเชื่อคำพูดของผู้ให้บริการเจ้าอื่น

       เวลาที่คุณผู้อ่านได้รับข้อมูลจากทีมงานว่า ถ้าสั่งซื้อสินค้าจากต่างประเทศ แล้วจะต้องรอนานเป็นเดือนๆ  เพราะการเดินทางของกล่องพัสดุสินค้านั้น จะต้องเดินทางผ่านหลายขั้นตอน  /   คุณผู้อ่านส่วนมากก็จะ "ตกใจ" เพราะคิดไม่ถึงว่าจะต้องรอนานขนาดนั้น

       แล้วพอผู้ให้บริการรับฝากซื้อสินค้าเจ้าอื่น โฆษณาตัวเองว่า ถ้าฝากซื้อกับเขาแล้วล่ะก็ จะได้รับสินค้าภายใน 7 วัน เท่านั้น เอาหัวเป็นประกันได้เลย  /  พอลูกค้าได้ยินอย่างนี้ก็พากันหลงเชื่อ และคิดว่า ในเมื่อถ้าใช้บริการกับทีมงาน tuvagroup.com แล้วต้องรอนานเป็นเดือนๆ  อย่างนี้ เปลี่ยนไปใช้บริการกับผู้บริการเจ้าอื่นดีกว่า เพราะจะได้รับของภายใน 7 วัน เท่านั้น - อันนี้เป็นความคิดที่ผิดนะครับ

       เหตุผลก็เพราะว่า ผู้ให้บริการเจ้าอื่น ก็แค่ พูดในสิ่งที่ลูกค้าอยากได้ยิน เท่านั้น  คือพูดแค่ว่า จะได้รับสินค้าภายใน 7 วัน  แล้วพอภายหลัง ลูกค้าต้องรอนานเป็นเดือนๆ  เหมือนกับที่ทีมงานเคยบอกไว้  พอลูกค้าไปด่าเขา ( หมายถึงไปด่าผู้ให้บริการเจ้านั้น ที่สัญญาว่าจะได้รับของภายใน 7 วัน เอาหัวเป็นประกัน ) เขาก็แค่ "ไม่ตอบ" คุณ  เพราะเขาถือว่าเขาได้รับค่าบริการจากคุณไปแล้ว ก็จบแค่นั้น อยากหลงเชือเขาเอง


       การเดินทางของกล่องพัสดุสินค้า ( ที่ต้องรอเป็นเดือนๆ ) มันเป็นเรื่องของ "ระบบ"

       ในเมื่อ "ระบบ" มันเป็นอย่างนั้น ( คือกล่องพัสดุสินค้า ต้องใช้เวลาเป็นเดือนๆ ในการเดินทาง ) มันจึงไม่เกี่ยวกับว่า คุณลูกค้าเลือกใช้บริการกับผู้ให้บริการเจ้าไหน  เพราะว่า ไม่ว่าคุณจะใช้บริการกับผู้ให้บริการเจ้าไหน  "ระบบ" ก็ทำให้คุณต้องรอเป็นเดือนๆอยู่ดี

       ความแตกต่างระหว่างผู้ให้บริการเจ้าอื่น กับทีมงาน tuvagroup.com ก็คือว่า ผู้ให้บริการเจ้าอื่น เขาจะ พูดในสิ่งที่ลูกค้าอยากได้ยิน เท่านั้น ( เช่นพูด "หลอก" ว่าจะได้รับของภายใน 7 วัน - เอาหัวเป็นประกัน ) เพื่อให้คุณหลงเชื่อ แล้วก็รับออร์เดอร์จากคุณ

       ในขณะที่ทีมงาน tuvagroup.com จะพูดความจริงกับคุณ ( เช่นพูดว่า ต้องรอเป็นเดือนๆ ) แม้ว่าจะเป็นสิ่งที่คุณฟังแล้วไม่สบายใจก็ตาม  แต่มันก็เป็นความจริง

       คุณลูกค้าก็พิจารณาเอาเองนะครับว่าจะเชื่อใคร?  ผู้ให้บริการบางเจ้า มาจากการที่ตัวเอง "ตกงาน" จากงานประจำที่เคยทำอยู่ แล้วมีบัตรเครดิตติดตัวแค่ใบเดียว ก็เปิดตัวว่าเป็นผู้ให้บริการรับฝากซื้อสินค้าแล้ว ทั้งๆที่ไม่มีประสบการณ์อะไรเลย ( มีแค่บัตรเครดิตใบเดียว )  ในขณะที่ทีมงาน tuvagroup.com มีประสบการณ์การรับฝากซื้อสินค้าจากต่างประเทศมาถึง 11 ปี แล้ว โดยมีหลักฐานดูได้ที่ลิงก์  http://www.tuvagroup.com/stateindex-610526.html  และที่ลิงก์  http://www.tuvagroup.com/stateindex.html   ทีมงานจึงมีความน่าเชื่อถือมากกว่าผู้ให้บริการเจ้าอื่นแบบเทียบกันไม่ติดเลยครับ 


ไปอ่านที่กระทู้ของ Pantip.com

เขาบอกว่า "ไม่ถืงเดือน" ก็ได้รับพัสดุสินค้าแล้ว



       มันก็มีบางเคสเหมือนกันครับ ที่ลูกค้าได้รับพัสดุสินค้าเร็ว ยกตัวอย่างเช่น "ไม่โดนสุ่มตรวจ" โดยศุลกากร ก็เลยไม่ต้องเสียเวลา 19 วัน ที่ด่านศุลกากร 

       ซึ่งเรื่องพวกนี้ ( ที่ทำให้ได้รับพัสดุสินค้าภายในเวลาไม่ถึง 1 เดือน ) มันเป็นเรื่องของ ดวงล้วนๆ

       คือที่ทีมงานบอกว่าต้องรอเป็นเดือนๆถึงจะได้รับพัสดุสินค้านั้น  ทีมงานพูดไปตาม "ระบบ" ปกติของการได้รับพัสดุสินค้านะครับ  ซึ่งก็อาจจะมีบางท่านที่ ดวงดี ( ไม่โดนสุ่มตรวจที่ด่านศุลกากร ) ก็เลยได้รับพัสดุสินค้าภายในเวลาไม่ถึง 1 เดือนโดยที่ไม่ต้องรอเป็นเดือนๆ เหมือนที่ชาวบ้านคนอื่นเขาต้องรอกัน

       แล้วพวกที่ ดวงดี พวกนี้ ( ที่ได้รับพัสดุสินค้าภายใน 1 เดือน ) ก็มาโพสต์ไว้ในกระทู้ของ Pantip.com ว่าตัวเองได้รับพัสดุสินค้าภายในเวลาไม่ถึง 1 เดือน

       แล้วพอมีคนมาอ่านกระทู้เหล่านั้น ก็เลยสรุปเอาเองว่า เมื่อสั่งซื้อสินค้าจากต่างประเทศ ก็จะรอไม่ถึง 1 เดือนแน่ๆ - ซึ่งมันเป็นความเข้าใจที่ผิดนะครับ  /  เพราะการจะได้รับพัสดุสินค้าภายในเวลาไม่ถึง 1 เดือนนั้น มันเป็นเรื่องของ ดวงล้วนๆ  ไม่ใช่ว่าทุกคนจะได้รับพัสดุสินค้าภายในเวลาไม่ถึง 1 เดือนกันหมดหรอกนะครับ




ขั้นตอนที่สี่ - "ไม่รู้เวลาแน่นอน"

 สำหรับความผิดพลาดแบบแปลกๆ



       จากการที่ทีมงานพูดมาก่อนหน้านี้นั้น เป็น "สามขั้นตอน" มาตรฐาน ที่เป็นสาเหตุให้พัสดุสินค้ามาถึงมือคุณลูกค้าช้านะครับ

       คือหมายความว่า พัสดุสินค้าทุกชิ้นที่ถูกสั่งซื้อออนไลน์ จากต่างประเทศนั้น  ลูกค้าจะต้องเสียเวลารอเป็นเดือนๆ เพราะกล่องพัสดุสินค้าของคุณต้องผ่าน "สามขั้นตอน" มาตรฐาน ที่เป็นสาเหตุให้พัสดุสินค้ามาถึงมือลูกค้าช้า ( ยกเว้นลูกค้าที่ ดวงดีจริงๆ  ถึงจะได้รับพัสดุสินค้าเร็วกว่านี้ )

      
แต่ใน "ขั้นตอนที่สี่" ที่ทีมงานกำลังจะพูดให้ฟังนี้นั้น มัน ไม่ใช่ขั้นตอนมาตรฐาน ครับ คือหมายความว่า ความผิดพลาดที่ทีมงานบอกว่าเป็น "ขั้นตอนที่สี่" ที่เป็นความผิดพลาดแบบแปลกๆนี้ มันเกิดขึ้นกับคุณลูกค้าบางท่านเท่านั้นเอง ( ไม่ได้เกิดขึ้นกับลูกค้าทุกท่าน )

       ความผิดพลาดแบบแปลกๆที่ว่านี้ มันมีหลายเคสนะครับ แต่ทีมงานจะยกเอามาให้ดูเป็นตัวอย่างสัก 3 เคส ก็แล้วกันนะครับ มาดูกันครับ



เคสที่ 1

รหัสภาพ Efvhp-A-02-V-590512-2232-b05.jpg

       ( ภาพบน ) เนื่องจากชื่อและที่อยู่ที่ถูกเขียนบนกล่องพัสดุสินค้านั้น ถูกเขียนเป็นภาษาอังกฤษ ( เพราะว่า คนเขียน ( ซึ่งก็คือคนขาย ) เขาอยู่ต่างประเทศ จึงไม่ได้ใช้ภาษาไทย )  ดังนั้น ถ้าบังเอิญว่าเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ไทย คนที่จะมาส่งพัสดุสินค้ากล่องนี้ให้คุณ เขา "ไม่สันทัดภาษาอังกฤษ" ก็อาจจะเกิดเหตุการณ์ "ส่งผิดบ้าน" เพราะอ่านภาษาอังกฤษที่ถูกเขียนบนกล่องพัสดุสินค้านั้น แบบถูกๆ ผิดๆ ก็เป็นได้นะครับ  /  เหมือนในเคสที่ปรากฏในอีเมลที่เห็นในภาพข้างบนนี้

      
ซึ่งทางทีมงาน tuvagroup.com ยังโชคดีที่คุณลูกค้าเจ้าของอีเมลฉบับข้างบนนี้เป็นคนใจเย็น แทนที่จะอีเมลมาต่อว่าทางทีมงานว่า ทำไมพัสดุสินค้าถึงยังไม่มาเสียที!   ก็กลับอีเมลมาบอกทีมงาน tuvagroup.com ด้วยความสุภาพว่ายังไม่ได้รับพัสดุสินค้าเลย

       ทางทีมงาน tuvagroup.com จึงได้แนะนำให้สอบถามกับทางไปรษณีย์อีกทีหนึ่ง  /  ซึ่งจากการตรวจสอบ ปรากฏว่าพนักงานไปรษณีย์ส่งผิดบ้านจริงๆ ซึ่งเมื่อเราดูตรงที่ ลูกศรสีเขียวชี้ ก็จะเห็นว่าของหายไปนานถึง 15 วัน เลยทีเดียว ( 9 ธ.ค. ถึงวันที่ 24 ธ.ค. )



เคสที่ 2

รหัสภาพ Efvhp-A-02-V-590512-2232-b06.jpg

       ( ภาพบน ) ทีมงาน tuvagroup.com สั่งซื้อเครื่องสแกนบาร์โค้ดให้คุณลูกค้าท่านนี้ 2 ชุด  /  หลังจากสั่งซื้อเป็นระยะเวลาช่วงหนึ่งแล้ว ทีมงานก็สอบถามคุณลูกค้าไปว่าได้รับสินค้านี้หรือยัง ( ตามที่ปรากฏอยู่ในอีเมลของทีมงาน ในภาพข้างบนนี้นะครับ )



รหัสภาพ Efvhp-A-02-V-590512-2232-b07.jpg

       ( ภาพบน ) คุณลูกค้าตอบกลับมาว่ายังไม่ได้รับพัสดุสินค้าทั้ง 2 ชิ้นนั้น  ( ตรงที่ ลูกศรสีเขียว ชี้อยู่ในภาพข้างบนนี้ ) คือดูรูปการณ์แล้ว เหมือนกับว่า ของหาย! นั่นเอง



รหัสภาพ Efvhp-A-02-V-590512-2232-b08.jpg

       ( ภาพบน ) บังเอิญว่าการส่งครั้งนี้ เป็น "การส่งแบบแพง" ก็เลย เช็คสถานะสินค้าได้ ( คือถ้าเป็น "การส่งแบบถูก" มันจะเช็คสถานะสินค้าไม่ได้ )  /  ทีมงานก็เลยเช็คสถานะสินค้าให้ และยืนยันกับทางคุณลูกค้าว่าของไม่หายแน่นอน ให้ลองค้นหาพัสดุสินค้ากล่องนั้นให้ดีอีกที



รหัสภาพ Efvhp-A-02-V-590512-2232-b09.jpg

       ( ภาพบน ) ผลการตรวจค้น ( อีกครั้ง ) ปรากฏว่าในที่สุด คุณลูกค้าก็เจอพัสดุสินค้าดังกล่าวอยู่ในบ้านของตัวเอง โดยพัสดุสินค้าดังกล่าว มาถึงตั้งแต่ก่อนที่ทีมงานจะอีเมลไปถามในฉบับแรกด้วยซ้ำ 

       คือมีคนรับสินค้าแทนเจ้าของพัสดุสินค้าไปแล้ว แต่เจ้าของพัสดุสินค้าไม่ทราบ ก็เลยคิดว่าพัสดุสินค้าหาย แต่สุดท้ายก็เจอภายในบ้านนั่นเองครับ มันไม่ได้หายไปไหน  /  โดยผู้ที่เซ็นรับพัสดุสินค้าเอาไว้ในเคสนี้ก็คือพี่ชายของคุณลูกค้าท่านนี้นั่นเอง ( ปรากฏข้อความตรงที่มี ขีดเส้นใต้สีเขียว ขีดอยู่ในภาพข้างบนนี้ )


       เคสนี้ เป็นอุทาหรณ์เตือนสติ ที่ใช้ได้กับคุณลูกค้าที่พักอาศัยอยู่ "คอนโด" หรือ "อพาร์ทเม้นท์" หรือ "หอพักนักศึกษา" ที่มีเจ้าหน้าที่คนอื่น ( เช่น ยาม ) เซ็นรับพัสดุสินค้าแทนคุณได้ด้วยนะครับ

       คือบางที ยามคนที่เขาเซ็นรับพัสดุสินค้าแทนคุณเอาไว้นั้น  เขาลืมบอกคุณ ( คือลืมบอกคุณว่า เขาได้เซ็นรับพัสดุสินค้าไว้ให้แล้ว )

       หรือไม่ก็อาจจะเป็นกรณีที่ว่า ยามคนที่เซ็นรับพัสดุสินค้าแทนคุณเอาไว้นั้น "เปลี่ยนเวร เปลี่ยนกะ" แล้วดันลืมบอกเวรกะใหม่ว่าตัวเอง ( หมายถึงตัวเวรกะเก่าเอง ) ได้เซ็นรับพัสดุสินค้าแทนคนที่อยู่ในคอนโด ( หรือ อพาร์ทเม้นท์ หรือ หอพักนักศึกษา ) เอาไว้

       แล้วพอคุณลูกค้าไปสอบถามเวรกะใหม่ว่า ได้เซ็นรับพัสดุสินค้าอะไรเอาไว้ไหม?  คนที่เป็นเวรกะใหม่ก็เลยบอกคุณว่า "ยังไม่มีพัสดุมา" ทั้งๆที่ เวรกะเก่า เขาเซ็นรับพัสดุสินค้าแทนคุณเอาไว้ให้เรียบร้อยแล้ว

       ด้วยเหตุนี้ ก็เลยทำให้คุณ ซึ่งเป็นเจ้าของพัสดุสินค้า คิดว่าพัสดุสินค้าของตัวเองหายไปแล้วนั่นเองครับ

       เพื่อป้องกันเคสแบบนี้ ( หมายถึงเคสที่ยามเปลี่ยนเวร เปลี่ยนกะ แล้วลืมบอกเวรกะใหม่ว่า ตัวเอง ( หมายถึงเวรกะเก่า ) ได้เซ็นรับพัสุดุสินค้าแทนคุณเอาไว้ ) ก็ขอให้คุณทำดังนี้คือ

       ถ้าคุณถามยามผลัดไหน แล้วยามผลัดนั้น เขาบอกว่ายังไม่มีพัสดุมาถึงคุณ  คุณก็อย่าพึ่งเชื่อยามคนนั้นนะครับ ลองให้ยาม ช่วยตรวจสอบดู "สมุดบันทึกส่วนกลางของยาม" ด้วย เพราะบางที ยามกะเก่าอาจจะลงบันทึกลงสมุดเอาไว้ให้แล้วว่า ได้เซ็นรับพัสดุแทนคุณลูกค้าเอาไว้


       หรือถ้าตรวจไม่เจอใน "สมุดบันทึกส่วนกลางของยาม"  ก็อาจเป็นไปได้ว่า ยามคนที่เขาเซ็นรับพัสดุสินค้าแทนคุณเอาไว้นั้น เขาอาจจะลืมลงบันทึกใน "สมุดบันทึกส่วนกลาง" ก็ได้   ก็ให้คุณลองพยายามถามยามในกะถัดๆไปด้วยตัวเองดูนะครับ



เคสที่ 3


รหัสภาพ Efvhp-A-02-V-590512-2232-b10.jpg
( ภาพบน ) การเช็คสถานะของพัสดุสินค้า


       ( ภาพบน ) เวลาที่เราสั่งซื้อสินค้าจากต่างประเทศนั้น ถ้าเราเลือกวิธีส่ง "แบบแพง" เราก็จะได้เลข Tracking Number ( เลขเช็คสถานะพัสดุ ) ซึ่งจะทำให้เราสามารถเช็คสถานะพัสดุได้ว่าขณะนี้พัสดุสินค้าของเรา เดินทางไปถึงไหนแล้ว

       เมื่อเรามีเลข Tracking Number แล้ว ก็ให้นำเลขดังกล่าวไปกรอกที่เวบของบริษัทผู้ส่งสินค้า  /  ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเราใช้บริการกับบริษัทส่งของชื่อ DPX และเรามีเลข Tracking Number หมายเลข LPKEN000000377871356 ของบริษัท DPX แล้ว  วิธีการเช็คสถานะพัสดุสินค้าก็คือ เราต้องเปิดหน้าเวบของบริษัท DPX ขึ้นมาก่อน ( เหมือนที่เห็นในภาพข้างบนนี้ ) จากนั้นก็นำเลข Tracking Number ไปกรอกตรงพื้นที่ ที่ทางเวบ DPX เขาจัดไว้ให้สำหรับกรอกข้อมูล  ซึ่งในเคสนี้ ก็คือการกรอกลงไปที่ช่องว่างตรงที่ ลูกศรสีม่วง ชี้อยู่ในภาพข้างบนนี้  /  จากนั้นก็คลิ๊กที่ปุ่ม ตรวจสอบสถานะ ตรงที่ ลูกศรสีเขียว ชี้อยู่ในภาพข้างบนนี้



รหัสภาพ Efvhp-A-02-V-590512-2232-b11.jpg

       ( ภาพบน ) จากการคลิ๊กไปที่ปุ่ม ตรวจสอบสถานะ ใน "ภาพก่อนหน้านี้นั้น" หน้าเวบจะเปลี่ยนไป จนมีหน้าตาเหมือนที่เห็นในภาพข้างบนนี้



รหัสภาพ Efvhp-A-02-V-590512-2232-b12.jpg
( ภาพบน ) ให้ดูเฉพาะตรงส่วนที่มี กรอบสี่เหลี่ยมเส้นขอบประสีม่วง ครอบอยู่ในภาพข้างบนนี้ 



รหัสภาพ Efvhp-A-02-V-590512-2232-b13.jpg
( ภาพบน ) ภาพขยายของส่วนที่อยู่ใน กรอบสี่เหลี่ยมเส้นขอบประสีม่วง ในภาพก่อนหน้านี้



รหัสภาพ Efvhp-A-02-V-590512-2232-b14.jpg

       ( ภาพบน ) ในข้อมูลที่ปรากฏอยู่ตรงบริเวณที่มี กรอบสี่เหลี่ยมเส้นขอบสีม่วง ครอบอยู่ ในภาพข้างบนนี้นั้น บอกไว้ว่า เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน เวลา 15.43 น.นั้น ทางบริษัท DPX ได้นำพัสดุสินค้าไปส่งที่บ้านของลูกค้าแล้ว "แต่" ไม่สามารถส่งพัสดุให้ลูกค้าได้ เพราะ ผู้รับไม่อยู่ หรือ ติดต่อไม่ได้ ดังนั้น ทางบริษัท DPX จึงต้องเอาพัสดุสินค้านั้น นำกลับไปเก็บไว้ที่สาขาของบริษัท DPX เหมือนเดิม

       การที่คุณโอนเงินสั่งซื้อสินค้าจากต่างประเทศไปให้คนขายแล้ว แต่รอตั้งนาน ก็ยังไม่ได้รับพัสดุสินค้าที่สั่งซื้อไปสักทีนั้น คุณอาจจะคิดไปว่าสินค้าของคุณ คงโดนศุลกากรยึดไปแล้ว หรือไม่ก็โชคร้าย ที่คนขายดันเป็นมิจฉาชีพ คือรับเงินไปแล้ว แต่ไม่ยอมส่งสินค้าให้

       แต่ความจริงแล้ว พนักงานศุลกากร เขาไม่ได้ยึดสินค้าของคุณ และคนขายเอง เขาก็ส่งสินค้าให้เรียบร้อยแล้ว ไม่ได้มีการโกงแต่อย่างใด แต่ว่าตอนที่มีพนักงานมาส่งพัสดุสินค้าให้คุณที่บ้าน คุณบังเอิญไม่อยู่บ้านพอดี หรือไม่ก็ ไม่ได้รับโทรศัพท์เบอร์ที่พนักงานส่งของ พยายามโทรติดต่อหาคุณ หรือไม่ก็ หลังจากพนักงานส่งของ วางหูโทรศัพท์ไปแล้ว และคุณเห็นเบอร์โทรศัพท์แปลกๆบนหน้าจอโทรศัพท์ของคุณแล้ว แต่คุณไม่ยอมโทรกลับไปที่เบอร์นั้น เพื่อเช็คว่าใครที่เป็นเจ้าของเบอร์โทรศัพท์ที่พยายามโทรหาคุณ

       ด้วยเหตุนี้เอง ( คือไม่มีคนอยู่บ้าน และไม่สามารถติดต่อทางโทรศัพท์กับลูกค้าได้ ) พนักงานส่งของ เขาก็เลยส่งพัสดุสินค้าให้คุณไม่ได้นั่นเองครับ

       พูดง่ายๆว่า ไม่มีการยึดสินค้า และไม่ได้มีการโกงอะไรเกิดขึ้นหรอกครับ แต่ความผิดพลาด ( คือการที่คุณไม่ได้รับพัสดุสินค้านั้น ) มันเกิดเพราะตัวคุณลูกค้าเอง ที่บังเอิญไม่อยู่บ้านขณะที่พนักงานส่งของ นำพัสดุสินค้าของคุณมาส่งให้คุณที่บ้าน อีกทั้ง คุณก็ไม่ได้รับโทรศัพท์จากพนนักงานส่งของ และหลังจากพนักงานส่งของ วางหุโทรศัพท์ไปแล้ว คุณก็ไม่ยอมโทรกลับไปเช็คที่เบอร์โทรศัพท์ที่พนักงานส่งของ พยายามโทรติดต่อหาคุณ นั่นเองครับ

       ประเด็นของ เคสที่ 3 ที่คุณกำลังอ่านอยู่นี้ก็คือว่า การที่คุณยังไม่ได้รับพัสดุสินค้านั้น เป็นเพราะตอนที่บริษัทส่งของ นำพัสดุสินค้าของคุณมาส่งที่บ้าน ปรากฏว่าไม่มีใครอยู่บ้าน อีกทั้ง พนักงานส่งของก็ไม่สามารถติดต่อคุณทางโทรศัพท์ได้ด้วย  /  ดังนั้น บริษัทส่งของ จึงนำพัสดุของคุณกลับไป  ส่วนตัวคุณนั้น ไม่ทราบว่าบริษัทส่งของ มาส่งพัสดุสินค้าให้คุณ  คุณก็เลยคิดว่าสินค้าของคุณโดนศุลการยึดไปแล้ว หรือไม่ก็โดนคนขายโกง




 
ขอแทรกนิดนึงครับ 

       ตามปกติ บริษัทส่งของ ( เช่นบริษัท DPX ที่ยกตัวอย่างมาให้ดูในเคสนี้ ) เขาจะมาส่งพัสดุสินค้าให้คุณที่บ้าน ประมาณ 2 ครั้งนะครับ

       สมมติว่าทั้ง 2 ครั้งที่บริษัท DPX เขามาส่งพัสดุที่บ้านคุณ แล้วคุณไม่อยู่บ้านทั้งสองครั้ง และคุณก็ไม่ได้รับโทรศัพท์จากพนักงานที่พยายามโทรหาคุณทั้ง 2 ครั้งเลยแล้วล่ะก็ บริษัทส่งของ เขาจะไม่ส่งเป็นครั้งที่ 3 นะครับ เพราะมันเปลืองค่าเสื่อมสภาพรถ ,ค่าน้ำมัน ,ค่าแรงงาน ฯลฯ

       สิ่งที่บริษัทส่งของ DPX เขาจะทำก็คือ เขาจะ ตีสินค้ากลับคืนไปให้คนขายที่ต่างประเทศ นะครับ  /  บริษัท DPX เขาจะไม่เก็บไว้ในความรับผิดชอบของเขาหรอกครับ ( นโยบายของบริษัทส่งของทุกบริษัท ก็จะเป็นอย่างนี้ทั้งหมดครับ คือเขาจะไม่เก็บพัสดุสินค้าต่างประเทศของลูกค้า เอาไว้ในความรับผิดชอบของเขาเองนานๆหรอกครับ )

       แล้วพอตอนหลัง คุณพึ่งรู้ตัวว่า สินค้าของคุณโดนตีกลับไปต่างประเทศ เรียบร้อยแล้ว ( โดยรู้จากการที่คนขายเขียนอีเมลมาบอกคุณ / หรือรู้จากเพื่อนบ้านของคุณ ที่มาพูดให้ฟังว่า เห็นบริษัท DPX มาส่งพัสดุให้คุณ 2 ครั้งแล้ว แต่คุณไม่อยู่บ้าน ) การที่คุณลูกค้าจะให้คนขายส่งให้คุณอีกครั้งนั้น คุณจะต้อง เสียค่าส่งจากต่างประเทศ มาประเทศไทย "ด้วยตัวเอง" นะครับ

       เหตุที่คุณต้องเสียค่าส่งในรอบที่สองนี้ด้วยตัวเอง ก็เพราะทางคนขายเขาถือว่าการที่คุณไม่ได้รับพัสดสินค้าในรอบแรกนั้น ไม่ใช่ความผิดของทางฝ่ายคนขายเขานะครับ ( มันเป็นเพราะคุณไม่อยู่บ้านเอง และไม่ยอมรับโทรศัพท์เอง ) ดังนั้น ถ้าคุณอยากได้สินค้า คุณก็ต้องเสียค่าส่งในรอบสองนี้ใหม่ด้วยตัวเองนะครับ จะให้คนขายเขาออกค่าส่งให้คุณฟรีๆ ( ในรอบที่สอง ) นี้นั้น คนขายเขาไม่ยอมหรอกครับ 




สรุป ...

       เวลาที่เราสั่งซื้อสินค้าออนไลน์จากต่างประเทศนั้น ไม่มีใครอยากได้รับพัสดุสินค้าช้าหรอกครับ "แต่" ในเมื่อ "ระบบ" มันเป็นแบบนี้ ก็ต้องทำใจให้ได้สำหรับความช้าที่เกิดขึ้นน่ะครับ  คือถึงคุณจะใจร้อน ก็ไม่ได้ทำให้ได้รับพัสดุสินค้าของคุณเร็วขึ้นหรอกครับ

       สู้การทำความเข้าใจในเรื่องของ "ระบบ" ให้ถ่องแท้จะดีกว่า  /  พอคุณมีความเข้าใจแล้วว่า "ระบบ" มันทำงานของมันอย่างไร คุณก็จะได้ "ทำใจปล่อยวาง" คือปล่อยให้ทุกอย่างมันเป็นไปตามทางของมัน เพราะถึงจะใจร้อนไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร
 

       การทำความเข้าใจในเรื่องของ "ระบบ" ในที่นี้ก็คือการที่คุณต้องรู้ว่า เมื่อคุณสั่งซื้อสินค้าออนไลน์จากต่างประเทศนั้น  พัสดุสินค้าก็ต้องเดินทางหลายขั้นตอนครับ คือ

       ขั้นตอนที่หนึ่ง - ใช้เวลา "3 วัน" ( โดยเฉลี่ย ) สำหรับช่วง Processing Time ซึ่งก็คือช่วงเวลาที่คนขายเอาห่อสินค้าในกล่องพัสดุ แล้วคนขายคนน้้น ก็นำกล่องพัสดุสินค้านั้นไปส่ง ณ.ที่ทำการไปรษณีย์ ( ที่ต่างประเทศ )  /  แล้วเจ้าหน้าที่ ของที่ทำการไปรษณีย์แห่งนั้น ก็นำกล่องพัสดุสินค้าดังกล่าวไปขึ้นเครื่องบิน ที่สนามบิน ( หมายถึงสนามบินที่อยู่ต่างประเทศนั้น )


       ขั้นตอนที่สอง - ใช้เวลา "19 วัน" สำหรับขั้นตอนการดำเนินการตามวิธีการของเจ้าพนักงานศุลกากร


       ขั้นตอนที่สาม - ใช้เวลา "3 วัน" สำหรับ "ขั้นตอนตามปกติ" ของการส่งพัสดุโดยบริษัทไปรษณีย์ไทย


       "สามขั้นตอน" ข้างบนนี้ คือขั้นตอนมาตรฐานนะครับ  /  ส่วนที่ว่าจะ มี ขั้นตอนที่สี่ อีกหรือเปล่า? ก็เป็นเรื่องที่คาดเดาไม่ได้น่ะครับ เพราะการได้รับของช้ากว่านี้ ( เพราะเจอ ขั้นตอนที่สี่ ) มันเป็นเรื่องความผิดพลาดแบบแปลกๆ ที่ไม่ค่อยเกิดขึ้นน่ะครับ  ทีมงานก็เลยคาดเดาล่วงหน้าให้คุณไม่ได้ว่าจะ มี ขั้นตอนที่สี่ เกิดขึ้นกับคุณหรือไม่? ( ความผิดพลาดแปลกๆ ใน ขั้นตอนที่สี่ ที่ว่านี้ ก็คือความผิดพลาดเหมือนในเคสตัวอย่าง 3 เคส ( คือเคสเรื่องไปรษณีย์ส่งผิดบ้าน ,เคสเรื่องที่พี่ชายเซ็นรับพัสดุสินค้าไว้ให้แล้ว และเคสที่บริษัทส่งของ มาส่งของแล้ว แต่คุณไม่อยู่บ้านและพนักงานส่งของก็ติดต่อคุณทางโทรศัพท์ไม่ได้ ) ที่ทีมงานเล่าให้ฟังก่อนหน้านี้น่ะครับ )




 
ทิ้งท้าย

       ถ้าคุณทำใจไว้ล่วงหน้าว่า คุณต้องรอพัสดุสินค้านานเป็นเดือนๆ  แล้วปรากฏว่า คุณได้รับพัสดุสินค้าของคุณเร็วกว่านั้น ( เช่นได้รับภายในเวลาไม่ถึง 1 เดือนเลย ) คุณก็จะ "รู้สึกดี

       แต่ถ้าคุณคาดหวัง ( ตามคำหลอกของผู้ให้บริการเจ้าอื่น ) ว่าคุณจะได้รับพัสดุสินค้าภายใน 7 วัน แล้วปรากฏว่าจริงๆแล้ว คุณต้องรอเป็นเดือนๆกว่าจะได้รับพัสดุสินค้าของคุณ  /  คุณก็จะ "รู้สึกแย่"

       มันเป็นเรื่องของ "จิตวิทยา" น่ะครับ  คือทีมงานแนะนำว่าคุณต้องรู้จักการปล่อยวาง หรือไม่ก็คาดหวังในทางที่แย่ๆเอาไว้ก่อน ( เช่นคาดหวังว่าจะต้องรอเป็นเดือนๆ ) แล้วถ้าคุณได้รับพัสดุเร็วกว่าที่คาดหวังไว้ คุณก็จะ "รู้สึกดี"  /  หรือในกรณีที่มันใช้เวลาเป็นเดือนๆจริงๆ ( ถึงจะได้รับพัสดุสินค้า ) คุณก็จะไม่เสียใจอะไรมาก เพราะคุณทำใจ ( ปล่อยวาง ) เอาไว้ก่อนล่วงหน้าแล้วนั่นเองครับ  




- END -



* * * หน้าเวบ "ในส่วนที่อยู่ด้านล่างลงไปนี้" ไม่ได้มีเอาไว้อ่านครับ  /  เป็นแบบฟอร์มที่ Webmaster เก็บเอาไว้บริหารจัดการ ตอนที่จะซ่อมแซม หรือปรับปรุงหน้าเวบ "ในส่วนที่อยู่ด้านบน" ในอนาคตครับ 


:/




:/



 

รหัสภาพ


( ภาพบน ) :/

ภาพข้างบนนี้มาจาก



       ( ภาพบน )

      

      




- END -

หน้าถัดไป

1  >  2  >  3  >  4  >  5  >  6