การ Hack เงินในบัตรเครดิต

 
ขอแทรกนิดนึงครับ

       การใช้บัตรเครดิตสั่งซื้อสินค้าจากต่างประเทศแบบออนไลน์นั้น "ไม่เกิดแต้มบัตรเครดิต" นะครับ

       ทีมงานใช้บัตรเครดิตของทีมงาน ซื้อของให้ลูกค้าปีหนึ่งหลายแสนบาท แต่แต้มบัตรเครดิตที่รวบรวมไว้ทั้งปีนั้น แลกได้ "600 บาท" เท่านั้น

       และแต้มบัตรเครดิต ( ที่แลกได้ 600 บาท นั้น ) ก็มาจากการใช้บัตรเครดิตนั้น ไปซื้ออาหาร ไปซื้อของที่ห้างสรรพสินค้า และร้า
นอื่นๆ "ในไทย" เท่านั้นครับ ถึงได้แต้มสะสมมา 


หมายเหตุ - กรณีที่ซื้อของต่างประเทศแล้วได้แต้มนั้น ต้องเป็นลักษณะที่ว่า คุณพกบัตรเครดิตของคุณ บินไปเที่ยวอังกฤษ ( สมมตินะครับ ) แล้วเดินเข้าร้านขายเสื้อที่อังกฤษ แล้วพอจะชำระเงินที่ร้านนั้น ทางร้านเขารับบัตรเครดิตของคุณ  การรูดบัตรที่ร้านขายเสื้อที่อังกฤษแบบนั้นแหละครับ ถึงจะได้แต้มบัตรเครดิตสะสมให้คุณ

       การใช้บัตรเครดิตซื้อของต่างประเทศแบบออนไลน์ ไม่เกิดแต้มบัตรเครดิตแต่อย่าบใด แถมยังเป็นการเอาบัตรเครดิตของคุณไปเสี่ยงต่อการโดน Hack อีกด้วยครับ ( ซึ่งคุณจะได้อ่านในหน้าเวบนี้



* * * หากภาพในหน้าเวบนี้ขึ้นไม่ครบ กรุณาคลิ๊กที่ปุ่ม "Reload this page" นะครับ  /  ถ้าหาปุ่มนี้ไม่พบ ให้อ่านคำแนะนำที่ลิงค์นี้ครับ http://www.tuvagroup.com/7fvhp-A-03-Q-591211-1724.html 

- - - - - - - - - - - - - - - - - - -

       ในเวบหน้านี้ ทีมงานจะพูดเกี่ยวกับการโดน Hack บัตรเครดิต และวิธีแก้ไขนะครับ แต่ไม่สามารถพูดเรื่อง "วิธีป้องกัน" ให้ฟังได้ เพราะว่าคุณป้องกันไม่ได้อยู่แล้วครับ อันนี้ขอยืนยัน


       ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเป็นการ "วิ่งราวกระเป๋าเงิน" แบบที่มีมอเตอร์ไซค์ซ้อนมา 2 คนขับมา แล้วประจวบเหมาะที่เหยื่อเดินถือกระเป๋าเงินเดินอยู่ตรงนั้นพอดี  คนร้ายก็จะขับมอเตอร์ไซค์มาข้างตัวเหยื่อ แล้วกระชากกระเป๋าคุณไป คือมันจะต้องมีองค์ประกอบสามอย่าง คือ

       1.เหยื่ออยู่ตรงนั้นพอดี


       2.คนร้ายอยู่ตรงนั้นพอดี


       3.บริเวณที่จะโดนกระชากกระเป๋านั้น เป็นทำเลของคนร้ายพอดี 


       การวิ่งราวกระเป๋าได้นั้น ต้องมีองค์ประกอบครบ 3 อย่างข้างบนนี้ ขาดอย่างใดอย่างหนึ่งไปไม่ได้ / นั่นหมายความว่า คนที่ถือกระเป๋าเงินบางคนที่เดินผ่านทำเลตรงนี้ทุกวัน ก็อาจจะไม่โดนกระชากกระเป๋าเลย เพราะตอนที่คนถือกระเป๋าเงินคนนี้เดินผ่านทำเลนี้  คนร้ายไม่ได้มาแถวนั้น เป็นต้น

       แต่สำหรับการ Hack เงินในบัตรเครดิตนั้น ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบเดียวคือ เจ้าของบัตรเคยใช้บัตรนั้น เคยซื้อสินค้าออนไลน์จากต่างประเทศ แม้จะเพียงครั้งเดียว และทำเมื่อนานมาแล้วก็ตาม




 

       ทันทีที่คุณให้ข้อมูลบัตรเครดิตของคุณแก่ผู้ขายสินค้าออนไลน์จากต่างประเทศ เพื่อจะซื้อสินค้าจากเขา  ข้อมูลบนบัตรเครดิตของคุณก็ถูกเปิดเผยออกไปแล้ว  ข้อมูลบนบัตรจะไม่เป็นความลับอีกต่อไป

       คุณอาจเคยได้ยินโฆษณาของบริษัทเจ้าของบัตรเครดิตยี่ห้อต่างๆว่ารักษาข้อมูลของลูกค้าไว้อย่างดี ไม่มีทางโดน Hack แน่นอน

       ก็แหงล่ะครับ คือพวก Hacker มันก็ไม่ได้เข้าไป Hack ที่บริษัทวีซ่า หรือบริษัทมาสเตอร์การ์ดนี่เสียหน่อย 

       มันใช้วิธีเข้าไป Hack จากร้านค้าที่ขายของออนไลน์ให้เราต่างหากล่ะ  ไม่ได้ไป Hack ที่ บริษัทวีซ่า หรือบริษัทมาสเตอร์การ์ด / ดังนั้น แม้ว่าบริษัทวีซ่า หรือบริษัทมาสเตอร์การ์ด จะมีระบบป้องกันที่แน่นหนา มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย

      
และพวกมา Hack เงินในบัตรเครดิตคุณ มันไม่ได้ทำครั้งเดียวหรอกนะครับ  มันจะทำหลายครั้งในหนึ่งปี ( ทำกับบัตรใบเดิมนั่นแหละ ) เพียงแต่มันจะเวียนเทียนกันมา / ส่วนวิธี Hack มันก็มีศิษย์ มีครู สั่งสอนกันในกลุ่ม Hacker ของมัน

       และเพื่อไม่ให้เป็นการพูดลอยๆ ทีมงานจะยกตัวอย่างของจริงที่เกิดบัตรเครดิตของ Webmaster นี่แหละ เอามาให้ดูครับ  ซึ่งโดน Hack มาโดยตลอด แต่บังเอิญว่าขณะที่เขียนหน้าเวบอยู่นี้เป็นปี พ.ศ.2558 ก็เลยจะยกตัวอย่างของปีนี้ ( พ.ศ.2558 ) มาให้ดูกันนะครับ

       และคุณผู้อ่านที่ทำงานอยู่กับธนาคารไทยพาณิชย์ ก็สามารถเข้าไปดูข้อมูลพวกนี้ได้ว่า "จริงหรือเปล่า?" กับตัวอย่างที่ทีมงานจะเอามาให้ดูนี้  / โดยเข้าไปดูที่ข้อมูลบัตรเครดิตของ ไทยพาณิชย์วีซ่า ของคุณวิษณุ  ตุวยานนท์ อันที่ลงท้ายสองตัวสุดท้ายว่า 33 น่ะครับ ( ตอนนี้ บัตรเครดิตใบนี้ถูกอายัดไปแล้ว แต่ยังไงข้อมูลก็ยังอยู่ที่ธนาคารไทยพาณิชย์อยู่ดี  ถ้าคุณเป็นพนักงานธนาคารไทยพาณิชย์ก็คงสามารถเข้าไปดูได้ จะได้รู้ว่า Webmaster โกหกคุณหรือเปล่า?




( ภาพบน ) ทีมงานต้องคอยลดเงินในบัตรเครดิตให้เหลือไม่เกิน 10 บาทอยู่ตลอดเวลา
เพื่อป้องกันการโดน Hack

       ( ภาพบน ) วิธีการป้องกันที่ Webmaster ใช้อยู่ก็คือการพยายามให้เงินในบัตรเครดิตเหลือไม่เกิน 10 บาทอยู่เสมอนะครับ  แต่ที่ทีมงานบอกไว้ตั้งแต่ตอนต้นว่า ไม่สามารถพูดเรื่อง "วิธีป้องกัน" ให้ฟังได้"  ก็เพราะว่าการป้องกันแบบข้างบนนี้ ( คือให้เหลือเงินไม่เกิน 10 บาทอยู่เสมอ ) มันก็ยังโดน Hack ได้อยู่ดี ( ตอนนี้อ่านไปเรื่อยๆก่อนครับ เดี๋ยวมันจะถึงเนื้อหาตรงนั้นเอง )




( หมายเหตุ - รายการข้างบนนี้ อาจจะเป็นของ พ.ศ.2559 นะครับ ไม่แน่ใจ เพราะว่า เนื่องจากการที่มิจฉาชีพมันทำรายการไม่สำเร็จ มันก็เลยไม่ได้โชว์ในสเตทเม้นท์  แต่มันจะโชว์ที่ข้อมูลบัตร ซึ่งพนักงานของธนาคารไทยพาณิชย์สามารถเปิดคอมพิวเตอร์เข้าไปดูได้อยู่แล้วครับ ว่าทีมงานพูดจริงหรือเปล่า? )

       คือตามปกติ Webmaster จะเอาเงินใส่ไว้ในบัตรประมาณ 9 - 10 บาท แล้วเวลาจะสั่งซื้อสินค้าให้ลูกค้าถึงค่อยเอาเงินเข้าบัตรเครดิตแล้วค่อยให้ทีมงาน Tuvagroup.com สั่งซื้อสินค้าให้ลูกค้า

       ต่อมาเมื่อวันที่ 20 มกราคม ทาง Webmaster ก็เอาเงินเข้าบัตรไว้ให้เรียบร้อยแล้วเพื่อจะให้ทีมงานซื้อสินค้าให้กับลูกค้า  แต่ปรากฏว่าทีมงานไม่สามารถซื้อสินค้าให้ลูกค้าได้ เนื่องจากทางบริษัทวีซ่าไม่อนุมัติเงิน

       จากการโทรไปสอบถาม ปรากฏว่าเมื่อวันที่ 17 มกราคม ( คือก่อนหน้านั้น 3 วัน ) ได้มีการเรียกเก็บเงินมาในยอด 444 เหรียญ จากชื่อเวบอะไรจำไม่ได้ เนื่องจากมีชื่อยาวมาก / ซึ่งยอดเงิน 444 เหรียญ หรือราวๆหนึ่งหมื่นหกพันบาทนั้น  ทำรายการไม่สำเร็จเนื่องจากเงินในบัตรของ Webmaster มีแค่ 9 บาทกว่าๆ

       พอทำรายการไม่สำเร็จ เจ้าหน้าที่ธนาคารไทยพาณิชย์จึง Block บัตรเครดิตเอาไว้

       ดังนั้น ในวันที่ 20 มกราคม  ทางทีมงานจึงไม่สามารถสั่งซื้อของให้ลูกค้าท่านอื่นได้ เนื่องจากทางธนาคารไทยพาณิชย์ได้ Block บัตรเอาไว้ตั้งแต่วันที่ 17 มกราคม 

       หลังจากติดต่อกับธนาคารแล้ว และทาง Webmaster ยืนยันว่าไม่เคยทำรายการ 444 เหรียญแต่อย่างใด  ทางธนาคารก็ปลด Block บัตรให้ และก็ไม่ได้ดำเนินคดีกับคน Hack เพราะว่ามันเอาเงินออกไปไม่ได้ เนื่องจากเงินไม่พอ ( ก็คือ Hack มา 1หมื่นหกพันบาท แต่ในบัตรมีแค่ 9 บาทกว่าๆ

       ลองคิดกันเล่นๆว่า ถ้าวันที่ 17 มกราคม มีเงินอยู่ในบัตรเครดิตพอที่จะให้มิจฉาชีพ Hack เงินได้  Webmaster ก็ต้องโดน Hack ไปหมื่นหกพันบาทเต็มๆ  และแม้ว่าจะทำเรื่องขอดึงเงินคืนจากธนาคารได้ แต่ก็ต้องใช้เวลา "3 เดือน" กว่าจะได้รับเงินคืน / ดังนั้น การที่ทิ้งเงินในบัตรไว้แค่ 9 บาทกว่าๆตลอดเวลา จึงทำให้ Webmaster ผ่านเรื่องร้ายนี้มาได้





       เรื่องของเรื่องก็คือว่าเมื่อประมาณกลางเดือนมิถุนายน 2558 ( ก่อนเกิดเหตุประมาณ 4 วัน )  ทาง Webmaster ได้เอาเงินเข้าบัตรเครดิตเพื่อเตรียมจะให้ทีมงาน Tuvagroup.com ซื้อสินค้าให้กับลูกค้าท่านหนึ่ง

       แต่ตอนจะสั่งซื้อ บังเอิญว่าคุณลูกค้าท่านนั้น ขอลดปริมาณการสั่งซื้อลง ซึ่งทีมงานก็ดำเนินการไปตามที่คุณลูกค้าคนนั้นต้องการ ( คือสั่งซื้อสินค้าน้อยลง )

       ผลของการสั่งซื้อสินค้าน้อยลง ก็เลยมีผลให้มีเงินเหลือในบัตรราวๆ 2 พันกว่าบาท

       ปรากฏว่าในวันที่ 19 มิถุนายน 2558  ได้มีคนร้ายมา Hack เงินในบัตรเครดิตไป รวมทั้งสิ้น 2,298 บาท ตามที่ปรากฏหลักฐานดังภาพข้างล่างนี้




       ( ภาพบน ) พอมิจฉาชีพมัน Hack เงินไป 2,298 บาทตั้งแต่วันที่ 16 มิถุนายน 2558  เงินมันก็เหลือในบัตรแค่ประมาณ 20 บาทกว่าๆ  ทาง Webmaster และทีมงานก็ลืมไปว่ามันควรจะเหลือเงิน 2 พันกว่าบาท ( ต้องเข้าใจนะครับว่า สเตทเม้นท์ของเดือนมิถุนายน 2558  มันจะออกวันที่ 12 กรกฏาคม 2558 และออกแค่เดือนละ 1 ครั้งเท่านั้น )

       ดังนั้น พอจะทำรายการสั่งซื้อสินค้าให้กับลูกค้าท่านต่อไป ทาง Webmaster ก็เอาเงินเข้าบัตรเหมือนเดิม แล้วก็ให้ทีมงานซื้อสินค้าให้กับลูกค้าท่านอื่นต่อไป  โดยที่ลืมไปว่าเงินหายไปแล้ว 2,298 บาท ( เพราะสเตทเม้นท์ตอนนั้น มันยังไม่ออก และยอดเงินมันก็เหลือในบัตรราวๆ 20 กว่าบาท ก็เลยลืมไปเลยว่ามันควรจะเหลือ 2 พันกว่าบาท )

       จนกระทั่งต่อมาอีกเกือบเดือน คือวันที่ 12 กรกฏาคม 2558 ที่เสตทเม้นท์ออกนั่นแหละ ทาง Webmaster ถึงพึ่งรู้ว่าโดน Hack เงินไปตั้งแต่วันที่ 16 มิถุนายน 2558 เป็นยอดเงิน 2,298 บาท ตามที่ปรากฏอยู่ในแถบสีเหลืองในภาพข้างบนนี้ 

( หมายเหตุ - ที่รายการโดน Hack ข้างบนนี้ ปรากฏบนสเตทเม้นท์ ก็เพราะรายการนี้ Hacker มันทำได้สำเร็จ คือมันเอาเงินไปได้ / แต่รายการแรก ไม่ปรากฏบนสเตทเม้นท์ก็เพราะ Hacker มันทำไม่สำเร็จ เนื่องจากมีเงินในบัตรแค่ 9 บาทกว่าๆ ดันมาเรียกเงินตั้งหมื่นหกพันบาท )



http://www.tuvagroup.com/5809septemberstate.html

( ภาพบน ) สเตทเม้นท์บัตรเครดิตประจำเดือนกันยายน พ.ศ.2558


       ( ภาพบนตอนที่บัตรเครดิตโดน Hack คือวันที่ 19/06 ( วันที่ 19 มิถุนายน 2558 ) และกว่าที่ทางธนาคารจะคืนเงินที่ถูก Hack ไปเพื่อกลับมาเข้าบัญชีเดิม ก็คือวันที่ 16/09 ( วันที่ 16 กันยายน 2558 ) ตามที่เห็นอยู่ในสเตทเม้นท์ภาพข้างบนนี้ / ซึ่งต้องกินเวลาถึง 3 เดือนกว่าจะได้เงินคืน

       แล้วลองคิดดูนะครับ ถ้ามิจฉาชีพมัน Hack เงินคุณไปหมดทั้งบัตรเลย เช่น Hack ไป 50,000 บาท / แล้วคุณต้องรอถึง 3 เดือนกว่าจะได้เงินคืน
/ ลองคิดดูว่าอะไรจะเกิดขึ้น?  มันก็คือการที่เงินของคุณหายไปจากระบบธุรกรรมส่วนตัวของคุณเลย 50,000 บาทตั้ง 3 เดือน  แล้วธุรกิจของคุณจะได้รับผลกระทบขนาดไหน? เสียหายมากนะครับ!

       และตัวอย่างที่เล่ามานี้ ก็เป็นของจริงนะครับ มีหลักฐานสเตทเม้นท์โชว์ให้คุณดูเลย  อย่าคิดนะครับว่าการจะถูกมิจฉาชีพ Hack เอานั้นเป็นเรื่องไกลตัวคุณ  เพราะความจริงแล้ว มิจฉาชีพมันอยู่ตรงปลายจมูกคุณนี่เองครับ




( หมายเหตุ - รายการข้างบนนี้ เป็นของปี พ.ศ.2558 แน่นอนร้อยเปอร์เซ็นครับ แต่อาจคลาดเคลื่อนเรื่องวันที่ไปประมาณ 2 - 3 วันนะครับ  เพราะว่า เนื่องจากการที่มิจฉาชีพมันทำรายการไม่สำเร็จ มันก็เลยไม่ได้โชว์ในสเตทเม้นท์  แต่มันจะโชว์ที่ข้อมูลบัตร ซึ่งพนักงานของธนาคารไทยพาณิชย์สามารถเปิดคอมพิวเตอร์เข้าไปดูได้อยู่แล้วครับ ว่าทีมงานพูดจริงหรือเปล่า? )

       ประมาณวันที่ 22 กันยายน 2558 ( หลังเกิดเหตุโดน Hack ประมาณ 2 วัน ) ทาง Webmaster เอาเงินเข้าบัตรเพื่อเตรียมจะให้ทีมงานซื้อสินค้าให้ลูกค้าท่านหนึ่ง / แต่แล้วก็เกิดเหตุการณ์ดึงเงินจากบัตรไม่ได้อีกแล้ว / ดังนั้น ทาง Webmaster จึงไปติดต่อกับธนาคาร

       ทางธนาคารแจ้งว่าก่อนหน้านั้น 2 วัน คือวันที่ 20 กันยายน 2558 ได้มีรายการเรียกเก็บเงิน 0.30 เหรียญ จากเวบชื่อ ... ( พนักงานธนาคารบอกชื่อเวบมา แต่ Webmaster จำชื่อไม่ได้หมด แต่จำได้ว่ามีคำว่า "Apple" อยู่ในชื่อเวบนั้นด้วย )  / ซึ่งยอดเรียกเก็บ 0.30 เหรียญ หรือประมาณ 10 บาทนั้น ก็ไม่สามารถทำรายการได้ เพราะยอดเงินในบัตรของ Webmaster ณ.วันที่ 20 กันยายน 2558 นั้น มีแค่ 9 บาทกว่าๆ ( ซึ่ง Webmaster ก็จะทิ้งไว้เท่านี้เป็นปกติอยู่แล้ว )

       พอทำรายการไม่ผ่าน ( เพราะยอดเงินไม่พอ ) ทางธนาคารไทยพาณิชย์ ก็เลย Block บัตรเครดิตของ Webmaster เอาไว้ตามระเบียบ ก็เลยเป็นเหตุให้เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2558 แม้ว่า Webmaster จะเอาเงินเข้าบัตรเพื่อรอจะซื้อสินค้าให้ลูกค้าท่านอื่น ก็เลยไม่สามารถใช้บัตรนั้นได้ เพราะธนาคารไทยพาณิชย์ Block บัตรนั้นอยู่

       หลังจากทำเรื่องถอน Block แล้ว ก็นำบัตรมาใช้ได้ตามปกติ

       วิธีการของ Hacker คนนี้คือ

       มันคิดว่า คงไม่มีใครในโลกที่จะเก็บเงินไว้ในบัตรแค่ไม่ถึง 10 บาท / มันก็เลย Hack มาในยอดที่ต่ำที่สุดของมันแล้ว คือ Hack มาแค่ 0.3 เหรียญ หรือ 11.1 บาทเท่านั้น / แต่บังเอิญมันมาซวยที่เจอบัตรของ Webmaster ที่มีเงินแค่ 9 บาทกว่าๆ คนเดียวในโลก / มันก็เลย Hack ไม่ได้


       มันใช้ชื่อเวบในการเรียกเก็บเงินให้มีคำว่า Apple อยู่ด้วย เพื่อที่ว่า สมมติว่ามัน Hack ผ่าน คือได้เงินไป 0.3 เหรียญแล้วจริงๆ  เวลาที่สเตทเม้นท์ออกมา มันก็จะโชว์ว่าเป็นเวบเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ Apple มาเรียกเก็บเงิน 0.3 เหรียญ แล้วเหยื่อก็จะไม่เอะใจ เพราะนึกว่าเป็นการเรียกเก็บเงินจากบริษัท Apple จริงๆ / แต่บังเอิญว่า ทาง Webmaster ไม่เคยใช้ผลิตภัณฑ์ของ Apple ใดๆเลยแม้แต่ชิ้นเดียว  เช่นโทรศัพท์ก็จะใช้ยี่ห้อโนเกีย ซึ่งทาง Micorsoft ได้ซื้อกิจการไปแล้ว / ดังนั้น ตอนที่เจ้าหน้าที่ธนาคารบอกกับ Webmaster ว่ามียอดเงิน 0.3 เหรียญ เรียกเก็บจากเวบ... ( เจ้าหน้าที่ธนาคารบอกมา แต่ Webmaster จำไม่ได้หมด รู้แต่ว่ามีคำว่า Apple อยู่ด้วย ) แค่นี้ ทาง Webmaster ก็รู้แล้วว่าทาง Hacker มันมั่ว ทำให้เราเข้าใจผิดว่าเป็นบริษัท Apple มันเรียกเก็บเงิน แต่บังเอิญว่า ทาง Webmaster ไม่เคยใช้ผลิตภัณฑ์ของบริษัท Apple เลย


       ไอ้ Hacker คนนี้มันฉลาด มัน Hack แค่คนละ 0.3 เหรียญ แต่มันทำกับคนเป็นล้านๆคนทั่วโลก ลองคิดดูว่ามันจะได้เงินมหาศาลขนาดไหน  และทุกคนที่โดน Hack ก็มักจะมีเงินในบัตรเครดิตเพียงพอให้มัน Hack อยู่แล้ว ( เพราะมันเอาแค่ 0.3 เหรียญ - แต่ไม่ได้กินบัตรของ Webmaster หรอก เพราะมีแค่ 9 บาทกว่าๆ ) และคนที่โดน Hack ส่วนมากก็ใช้ผลิตภัณฑ์ของบริษัท Apple เช่นไอโฟน ไอแพด โน๊ตบุ๊คแมคอินทอช ฯลฯ ดังนั้น พอสเตทเม้นท์ออกมา แล้วเหยื่อเห็นชื่อผู้เรียกเก็บเงินมีคำว่า Apple อยู่ด้วย และยอดเก็บก็เพียงแค่ 0.3 เหรียญ ก็เลยไม่ได้เอะใจอะไร เพราะคิดว่าอาจจะเป็นการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมเล็กๆน้อยๆจากบริษัท Apple จริงๆ


       ลองคิดเล่นๆว่า ถ้าคุณผู้อ่าน เก็บเงินไว้ในบัตรเครดิตมากว่า 10 บาท คุณก็ต้องโดนไอ้เจ้า Hacker คนนี้ Hack เงินได้อยู่แล้ว จริงไหมครับ?  แล้วพอถึงเวลาที่สเตทเม้นท์ออก คุณจะมีเวลามานั่งเช็คสเตทเม้นท์ทีละรายการ ( แบบที่ทีมงาน Tuvagroup.com ทำ ) ไหมครับ? และถึงแม้คุณจะมีเวลานั่งเช็คสเตทเม้นท์ทีละรายการจริง แต่บางทีคุณก็อาจมองผ่านผู้เรียกเก็บเงินที่มีชื่อว่า Apple ไปก็ได้ เพราะบังเอิญว่าคุณใช้ผลิตภัณฑ์ของบริษัท Apple อยู่ ก็เลยคิดว่าเป็นการเรียกเก็บค่าธรรมเนียมเล็กๆน้อยๆจากบริษัท Apple จริงๆก็ได้ 


       จะดีกว่าไหม ถ้าคุณเก็บบัตรเครดิตของคุณเอาไว้ซื้อแค่ของในประเทศ แล้วเวลาจะสั่งซื้อสินค้าจากต่างประเทศ ก็มาใช้บัตรเครดิตของทีมงาน Tuvagroup.com ในการซื้อให้คุณจะดีกว่า คุณจะได้ไม่ต้องมาผลุดลุกผลุดนั่ง วิตกกังวลว่าจะโดน Hack เงินในบัตรไหม ( ซึ่งมันก็ต้องโดน Hack อยู่แล้ว ถ้าคุณเคยซื้อสินค้าจากต่างประเทศ ) หรือต้องคอยมาเอาเงินออกจากบัตรเครดิต ให้เหลือเงินในบัตรเครดิตแค่ 9 บาทกว่าๆแบบที่ Webmaster ทำน่ะครับ  / ลองพิจารณาดูให้ดีนะครับ



 

       เผื่อหลายท่านยังไม่ทราบนะครับ ว่าจริงๆแล้ว Webmaster ของเราคือ พันตำรวจเอกวิษณุ   ตุวยานนท์ เป็นนายตำรวจระดับพันตำรวจเอกนะครับ บัตรเครดิตของแกยังโดน Hack เลย  แล้วประสาอะไรกับคนธรรมดาที่ไม่ใช่ตำรวจล่ะครับ ที่จะรอดไปจากการโดน Hack ได้น่ะ  มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วจริงไหมครับ?

       สำหรับคำถามทีว่าทำไมมันไม่กลัวถูกจับหรือ? คำตอบก็คือ มันวางแผนเอาไว้ล่วงหน้าก่อนแล้วครับ / อย่าลืมนะครับว่ามันมีศิษย์ มีครู อยู่นในสมาคม Hacker ของมัน  มันก็ย่อมสอนวิธีเอาตัวรอดกันอยู่แล้ว  เรามาดูกันครับว่ามันเอาตัวรอดกันยังไง?



 

       ( ภาพบน ) วิธีการที่มิจฉาชีพฝรั่งคนที่ Hack นี้ ใช้ป้องกันตัว โดยไม่ให้ใครสาวไปถึงตัวเขาได้ ก็คือ มันจะเปิด Face book ของตัวเองหลอกๆขึ้นมาก่อน / จากนั้นก็ Hack เงินในบัตรของ Webmaster ไปซื้อ "บัตรเติมเงินสำหรับเล่นเกมส์" จากเวบ Steamgame.com ที่เห็นอยู่ใน วงรีสีน้ำเงิน ที่เห็นในภาพข้างบนนี้  ซึ่งเป็นเวบเปิด ที่ใครๆก็เข้าไปเล่นได้ ( ลองคลิ๊กเข้าไปดูก้ได้ครับ ที่  www.steamgame.com  )  / แล้วเอา "บัตรเติมเงิน" นั้น ไปประกาศขายใน Facebook ของตัวเอง 

       จากนั้นก็จะมีฝรั่งอีกคนหนึ่ง ที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ดันไปซื้อ "รหัสของบัตรเติมเงิน" นี้ ( คือไปซื้อใน Face book ของมิจฉาชีพ คนที่ Hack เงินในบัตรเครดิตของทีมงาน Webmaster ไป ) แล้วนำไปใช้ / ตำรวจของฝรั่งเขาก็ตามไปรวบตัวได้ที่บ้านเลย  แล้วพอฝรั่งที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่คนนี้ บอกว่าไปซื้อมาจาก Facebook ในอินเตอร์เน็ท ก็ปรากฏว่าไม่สามารถเปิด Facebook นั้นได้แล้ว เพราะมิจฉาชีพคนนั้น พอขายรหัสเติมเงินได้ มันก็ปิด Facebook หนีไปแล้ว


( ขอแทรกนิดนึงครับ - เงินที่ถูก Hack พวกนี้ ทีมงานจะรับผิดชอบเองครับ คือหมายความว่า ถ้าเป็นเงินที่คุณลูกค้าโอนมาให้ทีมงาน เพื่อจะให้สั่งซื้อของ แล้วเงินจำนวนนั้นโดน Hack เหมือนในตัวอย่างที่เห็นข้างบนนี้  ก็ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ คือมันจะไม่กระทบถึงกันน่ะครับ  ทีมงานจะเอาเงินสำรองออกให้กับคุณลูกค้า และซื้อสินค้าให้กับคุณลูกค้าตามปกติไป ( ไม่ช้าไปกว่าเดิมครับ คือเหมือนไม่ได้มีการ Hack เกิดขึ้น ) ส่วนเงินที่ถูก Hack นั้น ทีมงานก็จะไปตามเรื่องของทีมงานเอง  ไม่ต้องห่วงว่าจะทำให้การซื้อสินค้าให้คุณลูกค้านั้นช้าลงแต่อย่างใดครับ )  





       ( ภาพบน ) ตามปกติ Webmaster จะใช้บัตรเครดิตทำงานทุกวัน การที่อายัดบัตรเก่า แล้วรอบัตรใหม่นั้น ต้องรอเป็นอาทิตย์ๆ  Webmaster บอกว่ามันน่าหงุดหงิดจริงๆ

       ฉันท์ใดก็ฉันท์นั้น คือถ้าคุณผู้อ่านใช้บัตรเครดิตของตัวเองในการสั่งซื้อสินค้าจากต่างประเทศ แล้วโดน Hack แล้วต้องอายัดบัตรเครดิตเหมือนของ Webmaster แล้วล่ะก็ คุณก็ต้องหงุดหงิดในการรอบัตรใหม่เหมือน Webmaster เช่นกันครับ

       ฉะนั้น ถ้าไม่อยากหงุดหงิดกับการต้องรอบัตรเครดิตใบใหม่มาแทนใบที่โดน Hack / ก็ใช้บริการซื้อสินค้าจากต่างประเทศจากทีมงาน Tuvagroup.com น่ะดีแล้วครับ
 จะได้ไม่มีมิจฉาชีพคนไหนไป Hack บัตรเครดิตคุณได้ แล้วคุณก็จะได้ไม่ต้องเปลียนบัตรเครดิตใบใหม่ให้ยุ่งยาก

( หมายเหตุ - ทีมงานบอกว่า Webmaster เปลี่ยนบัตรเครดิตบ่อย แต่เวลาคุณผู้อ่านไปดูสเตทเม้นท์ที่ลิงค์ http://www.tuvagroup.com/stateindex.html  ก็เห็นว่าบัตรเครดิตมันเขียนว่า "ลงท้ายด้วย 33" มาหลายปีแล้ว? /  นั่นก็เพราะว่าบัตรเครดิตใบใหม่ กับใบเก่า มันก็ลงท้ายด้วย 33 เหมือนกันนั่นเองครับ เหมือนที่เห็นในรูปข้างบนนี้ / พอดูในเสคทเม้นท์ก็เลยเหมือนว่า Webmaster ไม่ได้เปลี่ยนบัตรเครดิตเลย  ) 



 

       หวังว่าคำพูดเตือนใจข้างล่างนี้จะเป็นประโยชน์กับคุณผู้อ่านนะครับ 

       คนทั่วไป ที่ไม่สะดวกที่จะลดยอดเงินในบัตรเครดิตลงให้เหลือไม่เกิน 10 บาทตลอดเวลา - เพราะเวลาจะใช้ ก็ต้องมานั่งเอาเงินใส่เข้าไปในบัตรเครดิตอีก มันยุ่งยาก / อย่างเวลาจะไปกินข้าวกับเพื่อน พอจะควักบัตรเครดิตออกมาจ่าย ก็ลืมไปว่าเหลือเงินแค่ 9 บาทกว่าๆ ( เพราะเอาเงินออกจากบัตร เพื่อป้องกันการโดน Hack ) แล้วพอบริกร เอาบัตรเครดิตคุณไปรูด ก็รูดไม่ผ่าน ( เพราะมันมีแค่ 9 บาทกว่าๆ )  เสียหน้าต่อหน้าเพื่อนๆหมด

       คุณจะไม่ต้องกังวลกับเรื่องเหล่านี้ ( หมายถึงกังวลเรื่องที่ต้องคอยลดเงินในบัตรให้เหลือแค่ไม่เกิน 10 บาทอยู่ตลอดเวลา )  หากคุณใช้บัตรเครดิตของคุณไปตามปกติ คือปล่อยให้มีเงินเต็มวงเงินอยู่ 5 หมื่นบาทเลย เพียงแต่มีเงื่อนไขเดียวว่า ให้ใช้บัตรเครดิตของคุณซื้อของในประเทศเท่านั้น   แล้วเวลาซื้อของต่างประเทศ คุณก็ยกความเสี่ยง ( ความเสี่ยงเรื่องที่จะโดน Hack บัตรเครดิต ) มาให้กับทีมงาน Tuvagroup.com เสีย ด้วยการใช้บริการฝากซื้อสินค้าจากต่างประเทศจากทีมงาน Tuvagroup.com นั่นเองครับ

       เพียงเท่านี้ บัตรเครดิตของคุณก็ไม่มีความเสี่ยงในการที่จะถูก Hack แล้ว เพราะคุณไม่เคยใช้บัตรเครดิตของคุณซื้อของจากต่างประเทศเลย / ดังนั้น เมื่อบัตรเครดิตของคุณไม่มีความเสี่ยงในการถูก Hack  คุณก็เอาเงินเก็บไว้ในบัตรเครดิตของคุณให้เต็มวงเงิน ได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องมาคอยลดเงินในบัตรเครดิตให้เหลือแค่ไม่เกิน 10 บาทอยู่ตลอดเวลาน่ะครับ


       คนทั่วไป ที่มีบัตรเครดิตใบเดียว  เวลาอายัดบัตร ย่อมมีปัญหาทันที เพราะจะไม่มีบัตรใช้ - พวกคนทั่วไปที่ชอบประหยัดเงิน ไม่ยอมเสียค่าบริการ 100 บาทเพื่อให้ทีมงาน Tuvagroup.com ซื้อของต่างประเทศให้นั้น  เวลาที่บัตรเครดิตของตัวเองโดน Hack แล้ว และคุณต้องทำเรื่องอายัดบัตร คุณก็ไม่มีบัตรเครดิตใช้ ซึ่งนั่น จะทำให้คุณต้องลำบากในการปรับตัวในช่วงระยะเวลาหนึ่งเลยทีเดียว


       พวกมองโลกเป็นสีชมพู  โดยคิดว่าใช้บัตรเครดิตของตัวเอง ซื้อของต่างประเทศมานานแล้ว ก็ไม่เห็นเป็นอะไร ก็ไม่เห็นโดน Hack อะไร / ถ้าคุณคิดอย่างนั้นแล้ว คุณลองมาเทียบกับทีมงาน Tuvagroup.com สิครับว่า ทีมงานก็ใช้บัตรเครดิตของตัวเองซื้อมานานจะสิบปีแล้วเหมือนกัน  บทเวลาจะโดน Hack มันก็โดนเลย  ไม่เกี่ยวกับว่าในอดีตที่ซื้อของต่างประเทศ ( ด้วยบัตรเครดิตของตัวเอง ) มานานแล้ว ไม่เคยโดน Hack  แล้วในอนาคต ก็จะไม่โดน Hack ไปด้วย - ซึ่งนั่นไม่จริงครับ  โลกเราทุกวันนี้มันอยู่ยากครับ  โจรและมิจฉาชีพมันเยอะมาก  โลกมันไม่ได้เป็นสีชมพูอย่างที่คุณคิดหรอกครับ


       ขนาดเจ้าของบัตรเครดิต เป็นนายตำรวจยศ พันตำรวจเอก แท้ๆ ( คือ Webmaster ) โจรมันก็ยังกล้า Hack เงินในบัตรเครดิตของแกเลย แล้วนับประสาอะไรกับบัตรเครดิตของคนธรรมดาทั่วไปล่ะครับ มีหรือที่พวกมิจฉาชีพมันจะไม่กล้า Hack น่ะครับ 


       คุณอาจจะคิดว่า "แล้วจะมีบัตรเครดิตไว้ทำไม" ในเมื่อไม่กล้าที่จะใช้บัตรเครดิตนั้น ไปซื้อของจากต่างประเทศ? คำตอบก็คือ คุณก็ควรเอาบัตรเครดิตของคุณ ซื้อของจากที่ที่ไม่เสี่ยงสิครับ เช่นซื้อสินค้าเฉพาะแค่ในประเทศ เช่น กินข้าว ดูหนัง ซื้อของจากห้างสรรพสินค้าในบ้านเราก็พอ  / แล้วเมื่อไรก็ตามที่อยากซื้อสินค้าจากต่างประเทศ ก็ "อย่ามัวประหยัดค่าบริการ แค่ 100 บาท" อยู่เลย  ให้ใช้บริการกับทีมงาน Tuvagroup.com ในการซื้อของต่างประเทศให้ดีกว่า ( ให้ทีมงานรับความเสี่ยงแทนคุณดีกว่า )


       บางคนคิดว่า อยาก "สร้างประสบการณ์ด้วยตัวเอง ในการใช้บัตรเครดิตซื้อสินค้าจากต่างประเทศ จะได้ไม่ต้องเสียเงินมาจ้างทีมงาน Tuvagroup.com ซื้อของให้" ( ก็คือ อยากประหยัดเงินครั้งละ 100 บาทในการเสียค่าบริการฝากซื้อสินค้าจากต่างประเทศ )  / ผมถามหน่อยว่า คุณจะเอาประสบการณ์ไปทำไมล่ะครับ? อยากจะเป็นมืออาชีพในการใช้บัตรเครดิตของตัวเอง ซื้อของจากต่างประเทศไปทำไม? มันมีประโยชน์อะไร?

       เพราะถ้าประสบการณ์ หรือความเป็นมืออาชีพในการใช้บัตรเคริตของตัวเอง ซื้อของจากต่างประเทศ  มันช่วยให้คุณไม่โดน Hack เงินได้  แล้วทำไม ทีมงาน Tuvagroup.com ยังโดน Hack เงินได้ล่ะครับ ทั้งๆที่ทีมงานทำงานด้านนี้เป็นอาชีพแท้ๆ ( คือ ทำงานด้านการใช้บัตรเครดิตของตัวเองในการซื้อของจากต่างประเทศมาโดยตลอด ) มีความเป็นมืออาชีพมากกว่าคุณ แต่ก็ยังโดน Hack เลย 

       คุณอาจคิดว่า ถ้าเรียนรู้ประสบการณ์ด้วยตัวเอง ก็คงจะช่วยแยกแยะได้ว่า เวบไหนควรซื้อ เวบไหนไม่ควรซื้อเพราะเสี่ยงกับการโดน Hack / ทีมงานขอบอกว่า อย่าเสียเวลาเปล่าเลยครับ เพราะพวกมิจฉาชีพ มันย่อมมีหนทางของมันในการล่าเหยื่ออยู่แล้ว ขนาดทีมงาน Tuvagroup.com ซื้อของต่างประเทศมาจะสิบปี ยังแยกไม่ออกระหว่างคนดีกับคนเลวบนโลกออนไลน์เลยครับ - มันอยู่ที่ว่าจะโดน ( Hack ) เมื่อไร? และหลังจากโดน Hack แล้วจะแก้ไขสถานะการณ์อย่างไร? ต่างหาก

       มันเป็นคนละเรื่องกับการที่คุณไปทานผัดกระเพราที่ร้านอาหารนอกบ้าน แล้วก็มาคิดว่า น่าจะลองหัดทำผัดกระเพรากินเองที่บ้าน จะได้ไม่ต้องไปซื้อกินนอกบ้าน "จะได้ประหยัดเงิน"  / ที่ทีมงานบอกว่ามันเป็นคนละเรื่องก็เพราะว่า คุณไม่จำเป็นต้องลองใช้บัตรเครดิตตัวเอง หาประสบการณ์สั่งซื้อสินค้าจากต่างประเทศ เพื่อ "จะได้ประหยัดเงิน"  ( ที่จะต้องมาจ้างทีมงานซื้อของให้ในราคา 100 บาท ) / เพราะการทำผัดกระเพรากินเองที่บ้าน มันไม่มี "โจร" คอยจ้องเล่นงานคุณอยู่นี่ครับ  ในขณะที่การใช้บัตรเครดิตซื้อสินค้าจากต่างประเทศ มันมี "โจร" คอยจ้องจะงาบ จะ Hack เงินในบัตรเครดิตของคุณอยู่  และประสบการณ์ก็ช่วยอะไรคุณไม่ได้ด้วย ( ไม่อย่างนั้นทีมงานจะโดน Hack เองหรือครับ ) ดังนั้น ทีมงานถึงบอกว่า คุณไม่จำเป็นต้องเอาบัตรเครดิตของคุณเอง ไปเสี่ยง ( ที่จะโดน Hack ) เพื่อแลกกับประสบการณ์หรอกครับ มันช่วยอะไรไม่ได้ / สู้เก็บบัตรเครดิตของคุณไว้ในที่ปลอดภัย ( เช่นซื้อของในประเทศ ) แล้วเวลาที่จะซื้ออะไรเสี่ยงๆ ( หมายถึงซื้อของจากต่างประเทศ ) ก็มาใช้บริการรับฝากซื้อสินค้าของทีมงาน Tuvagroup.com ดีกว่าครับ  


       ในขั้นตอนต่อไป ก็คือคำแนะนำในกรณีที่คุณโดนมิจฉาชีพ Hack เงินในบัตรเครดิตของคุณไปแล้วนะครับว่า ต้องทำอย่างไรต่อไป

       โดยบัตรเครดิตของ Webmaster เป็นของธนาคารไทยพาณิชย์นะครับ ดังนั้น วิธีแก้ไขที่จะบอกนี้  จึงเป็นแนวทางสำหรับผู้ที่ใช้บัตรเครดิตของไทยพาณิชย์เหมือนๆกับที่ทีมงาน Tuvagroup.com ใช้นะครับ / สำหรับบัตรเครดิตของธนาคารอื่น ก็จะมีวิธีแก้ไขที่คล้ายๆกันครับ



( ภาพบน ) ก่อนอื่น ให้โทรเบอร์ 02 - 777 - 7777
เพื่อติดต่อธนาคารไทยพาณิชย์ก่อน



( ภาพบน ) อายัดบัตรเครดิต !

ภาพจากเวบ mootools.net

       ( ภาพบน ) เมื่อโทรไปแจ้งที่เบอร์ 02 - 777 - 7777 นั้น เจ้าหน้าที่เขาก็จะแนะนำให้คุณอายัดบัตรเครดิต  เพราะว่า เมื่อคนร้าย Hack บัตรเครดิตคุณได้ ก็แสดงว่า เขามีข้อมูลในบัตรของคุณทุกอย่างแล้ว ( อันได้แก่ชื่อ ,ชื่อสกุล ,หมายเลขบัตร ,เลขรหัสลับ ,วันหมดอายุของบัตร ) ดังนั้น เขาก็อาจจะเข้ามา Hack "ซ้ำ" ที่บัตรของคุณอีกก็ได้

       นี่คือสาเหตุที่ว่า ทำไมเราถึงต้องทำลายบัตรเครดิตใบนี้ทิ้งไปเลย  ไม่สามารถใช้ได้อีกต่อไป ( ซึ่งคำตอบของสาเหตุที่ว่านี้ก็คือว่า เพราะเรากลัวว่า มิจฉาชีพ มันจะมา Hack "ซ้ำ" นั่นเอง )
 

       หลังจากอายัตบัตรเครดิตแล้ว เราก็ขอแบบฟอร์มสำหรับกรอกรายการที่โดน Hack ไป / ซึ่งแบบฟอร์มของธนาคารไทยพาณิชย์ ก็จะเหมือนในรูปข้างล่างนี้ครับ





( ภาพบน ) แบบฟอร์มการแจ้งรายการที่ถูก Hack



02 - 777 - 6885
ภาพจาก iconarchive.com

       ( ภาพบน )  หลังจากกรอกข้อมูลลงในแบบฟอร์มเรียบร้อยแล้ว ก็ให้แฟ็กซ์ข้อมูลดังกล่าวไปให้ธนาคารไทยพาณิชย์ โดยใช้หมายเลข Fax 02 - 777 - 6885

       ขั้นตอนหลักๆก็จะมีเท่านี้ ( ทีมงานมีประสบการณ์การถูก Hack บ่อยจนเชี่ยวชาญแล้วครับ  ถึงได้อธิบายขั้นตอนต่างๆข้างบนนี้ให้แก่คุณผู้อ่านได้ รวมถึง แบบฟอร์ม และเบอร์โทรศัพท์ ฯลฯ ได้ชัดเจน )


       คุณผู้อ่านอาจเห็นว่า ไม่เห็นยากเลย ถ้าจะโดน Hack สักที ก็แค่ทำตามขั้นตอนง่ายๆที่ทีมงานเอามาให้อ่านข้างบนนี้ ก็เท่านั้นเอง

       แต่ความจริง  มันมีสิ่งอื่นที่ตามมาหลังการโดน Hack นะครับ นั่นคือการ "เสียความมั่นใจ
"

       คือว่า ตัวทีมงานเองโดนมาหลายครั้งแล้ว ก็เลยเฉยๆ / แต่กับบางคน ( เช่นคุณผู้อ่าน ) ถ้าคุณโดน Hack กับตัวเองสักครั้ง คุณจะรู้สึก "เสียความมั่นใจ" "รู้สึกไม่ปลอดภัย" "ฉันพลาดแล้วหรือนี่" ฯลฯ

       นี่ยังไม่รวมถึงคุณต้อง "ขาดความสะดวกสบาย" ในช่วงที่ไม่มีบัตรเครดิตใช้  ซึ่งแต่ก่อนเราใช้บัตรเครดิตซื้อโน่นซื้อนี่จนเคยชิน  แต่พอไม่มีบัตรใช้เพราะต้องรอทำบัตรใหม่  มันก็เป็นอะไรที่น่าหงุดหงิดเหมือนกัน

       ตัวทีมงานเองนั้น มีบัตรเครดิตหลายใบ เพื่อรองรับกับปัญหาเรื่องแบบนี้  คือถ้าบัตรใบนึงต้องถูกอายัดไป ก็ใช้อีกใบหนึ่ง ซื้อของให้กับคุณลูกค้าท่านอื่นๆได้ / พูดง่ายๆคือ ทีมงานมีอุปกรณ์รองรับสำหรับปัญหาที่อาจเกิดขึ้น ( เช่นการถูก Hack เงินในบัตร จนต้องอายัดบัตร )
ในขณะที่ตัวคุณผู้อ่านเอง อาจไม่ได้มีบัตรเครดิตหลายใบเหมือนทีมงาน ( เพราะการมีบัตรเครดิตหลายใบ ก็คือการที่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมประจำปีสำหรับบัตรเครดิตแต่ละใบ เป็นเงินหลายบาทด้วย ) ก็เลยทำให้คุณผู้อ่าน ต้องขาดความสะดวกสบายไปช่วงหนึ่ง ( คือช่วงที่รอทำบัตรเครดิตใหม่ )


       ในโลกใบนี้ มันมีบางสถานที่ ที่เขามีสงคราม มียิงกัน มีฆ่ากัน  วิธีที่จะอยู่ในโลกใบนี้ให้มีความสุข ก็คือ อย่าไปอยู่ตรงที่มีสถานะการณ์ที่เขา ยิงกัน ฆ่ากัน แล้วเราก็ใช้ชีวิตในส่วนของเราไป เท่านี้ก็มีความสุขกับชีวิตได้แล้ว / ฉันท์ใดก็ฉันท์นั้น คุณก็รู้อยู่แล้วว่า โลกของการซื้อสินค้าจากต่างประเทศ มันมีความเสี่ยงเรื่องการถูก Hack ข้อมูลบัตรเครดิต  ดังนั้น วิธีที่จะอยู่ได้อย่างไม่ต้องกังวลก็คือ คุณก็ไม่ต้องไปอยู่ตรงสถานะการณ์นั้น ( คืออย่าไปอยู่ในสถานะการณ์ที่อาจถูก Hack ข้อมูลบัตรเครดิต )

       วิธีเลี่ยงไม่ให้เราต้องไปตกอยู่ในสถานะการณ์ที่อาจถูก Hack บัตรเครดิตได้นั้น มีสองวิธี  โดยวิธีแรกก็คือ ไม่ต้องซื้อของต่างประเทศ / ส่วนอีกวิธีหนึ่ง ( ซึ่งดีกว่าวิธีแรก ) ก็คือ ถ้าต้องการซื้อของต่างประเทศ ก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผู้ที่มีอาชีพทางด้านนี้ ( คืออาชีพรับฝากซื้อสินค้าต่างประเทศโดยเฉพาะ เช่น ทีมงาน Tuvagroup.com )  เพราะผู้ที่มีอาชีพรับฝากซื้อสินค้าจากต่างประเทศนั้น ย่อมรู้ทางหนีทีไล่ได้ดีกว่าคุณนั่นเองครับ

       ก็เหมือนกับว่า ถ้าคุณอยากกิน "เป็ดปักกิ่ง" คุณก็ไม่จำเป็นต้องไปสร้างประสบการณ์ ในการเลี้ยงเป็ด ,ฝึกทำแป้งห่อ ,ปลูกผัก ,เรียนวิธีปรุงรสน้ำราด ,เครื่องเคียง สำหรับเปิดปักกิ่ง ด้วยตัวเองให้เสียเวลา  คุณควรให้หน้าที่พวกนี้ ( เลี้ยงเป็ด ,ทำแป้งห่อ ฯลฯ ) ไปเป็นของผู้เชี่ยวชาญ เช่น คนเลี้ยงเป็ด ,หรือพ่อครัวที่ทำเป็ดปักกิ่ง ทำจะดีกว่า

       แล้วคุณก็เอาเวลาที่จะต้องเลี้ยงเป็ด ,ทำแป้งห่อ ฯลฯ นั้น ไปทำมาหากินในอาชีพที่คุณกำลังทำอยู่  และเมื่อคุณได้เงินจากอาชีพของคุณแล้ว ก็ค่อยเอาเงินนั้นไปซื้อ "เป็ดปักกิ่ง" มาทาน / อย่างนี้ง่ายกว่ากันเยอะ 

      
ฉันท์ใดก็ฉันท์นั้น ถ้าคุณอยากซื้อสินค้าจากต่างประเทศ คุณก็ไม่จำเป็นต้องไปสร้างประสบการณ์ ด้วยการเอาบัตรเครดิตของคุณไป เสี่ยงต่อการถูก Hack  ให้ยุ่งยาก  คุณก็แค่ใช้เงินของคุณ จ้างทีมงาน Tuvagroup.com ซึ่งมีประสบการณ์ในการซื้อสินค้าจากต่างประเทศมาจะสิบปีแล้ว ทำงานให้คุณดีกว่าครับ


หมายเหตุ - ทาง Webmaster ได้มอบนโยบายไว้นะครับว่า หากคุณผู้อ่าน ใช้บัตรเครดิตของตัวเอง ในการซื้อของต่างประเทศ แล้วเกิดปัญหาใดๆก็ตาม  แล้วมาขอคำปรึกษาจากทีมงาน Tuvagroup.com นั้น  ทาง Webmaster ขอสงวนคำตอบนะครับ เนื่องจากประสบการณ์แต่ละอย่างที่เวบของเราได้รับมานั้น แลกมาด้วยเงิน "เป็นหลักแสน" คือทั้งโดนยึด ,โดนโกง ,ทะเลาะกับคนขาย ,ทะเลาะกับธนาคาร ,ทะเลาะกับเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ ,ทะเลาะกับเจ้าหน้าที่ศุลกากร ที่ด่านศุลกากร ฯลฯ มามากมายแล้ว

       ดังนั้น หากคุณไม่ได้ใช้บริการของทีมงาน Tuvagroup.com ในการสั่งซื้อสินค้าตั้งแต่แรก  แล้วมีปัญหาใดๆเกิดขึ้น ทีมงานก็ไม่สามารถให้คำปรึกษาใดๆ และไม่สามารถแก้ปัญหาใดๆให้กับคุณได้นะครับผม 

       เพราะถือว่าประสบการณ์ที่ทีมงานได้รับมา มันก็เป็นเคล็ดลับทางการค้าอย่างหนึ่ง เหมือนพวกสูตรน้ำจิ้ม หรือสูตรปรุงรสที่เป็นความลับ ที่ไม่สามารถถ่ายทอดให้กับบุคคลอื่นได้น่ะครับ 



- END -