การ Hack เงินในบัตรเครดิต |
|
* * * หากภาพในหน้าเวบนี้ขึ้นไม่ครบ กรุณาคลิ๊กที่ปุ่ม
"Reload this page" นะครับ /
ถ้าหาปุ่มนี้ไม่พบ ให้อ่านคำแนะนำที่ลิงค์นี้ครับ
http://www.tuvagroup.com/7fvhp-A-03-Q-591211-1724.html - - - - - - - - - - - - - - - - - - - ในเวบหน้านี้ ทีมงานจะพูดเกี่ยวกับการโดน Hack บัตรเครดิต และวิธีแก้ไขนะครับ แต่ไม่สามารถพูดเรื่อง "วิธีป้องกัน" ให้ฟังได้ เพราะว่าคุณป้องกันไม่ได้อยู่แล้วครับ อันนี้ขอยืนยัน ยกตัวอย่างเช่น ถ้าเป็นการ "วิ่งราวกระเป๋าเงิน" แบบที่มีมอเตอร์ไซค์ซ้อนมา 2 คนขับมา แล้วประจวบเหมาะที่เหยื่อเดินถือกระเป๋าเงินเดินอยู่ตรงนั้นพอดี คนร้ายก็จะขับมอเตอร์ไซค์มาข้างตัวเหยื่อ แล้วกระชากกระเป๋าคุณไป คือมันจะต้องมีองค์ประกอบสามอย่าง คือ 1.เหยื่ออยู่ตรงนั้นพอดี 2.คนร้ายอยู่ตรงนั้นพอดี 3.บริเวณที่จะโดนกระชากกระเป๋านั้น เป็นทำเลของคนร้ายพอดี การวิ่งราวกระเป๋าได้นั้น ต้องมีองค์ประกอบครบ 3 อย่างข้างบนนี้ ขาดอย่างใดอย่างหนึ่งไปไม่ได้ / นั่นหมายความว่า คนที่ถือกระเป๋าเงินบางคนที่เดินผ่านทำเลตรงนี้ทุกวัน ก็อาจจะไม่โดนกระชากกระเป๋าเลย เพราะตอนที่คนถือกระเป๋าเงินคนนี้เดินผ่านทำเลนี้ คนร้ายไม่ได้มาแถวนั้น เป็นต้น แต่สำหรับการ Hack เงินในบัตรเครดิตนั้น ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบเดียวคือ เจ้าของบัตรเคยใช้บัตรนั้น เคยซื้อสินค้าออนไลน์จากต่างประเทศ แม้จะเพียงครั้งเดียว และทำเมื่อนานมาแล้วก็ตาม |
![]() |
ทันทีที่คุณให้ข้อมูลบัตรเครดิตของคุณแก่ผู้ขายสินค้าออนไลน์จากต่างประเทศ
เพื่อจะซื้อสินค้าจากเขา
ข้อมูลบนบัตรเครดิตของคุณก็ถูกเปิดเผยออกไปแล้ว
ข้อมูลบนบัตรจะไม่เป็นความลับอีกต่อไป คุณอาจเคยได้ยินโฆษณาของบริษัทเจ้าของบัตรเครดิตยี่ห้อต่างๆว่ารักษาข้อมูลของลูกค้าไว้อย่างดี ไม่มีทางโดน Hack แน่นอน ก็แหงล่ะครับ คือพวก Hacker มันก็ไม่ได้เข้าไป Hack ที่บริษัทวีซ่า หรือบริษัทมาสเตอร์การ์ดนี่เสียหน่อย มันใช้วิธีเข้าไป Hack จากร้านค้าที่ขายของออนไลน์ให้เราต่างหากล่ะ ไม่ได้ไป Hack ที่ บริษัทวีซ่า หรือบริษัทมาสเตอร์การ์ด / ดังนั้น แม้ว่าบริษัทวีซ่า หรือบริษัทมาสเตอร์การ์ด จะมีระบบป้องกันที่แน่นหนา มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย และพวกมา Hack เงินในบัตรเครดิตคุณ มันไม่ได้ทำครั้งเดียวหรอกนะครับ มันจะทำหลายครั้งในหนึ่งปี ( ทำกับบัตรใบเดิมนั่นแหละ ) เพียงแต่มันจะเวียนเทียนกันมา / ส่วนวิธี Hack มันก็มีศิษย์ มีครู สั่งสอนกันในกลุ่ม Hacker ของมัน และเพื่อไม่ให้เป็นการพูดลอยๆ ทีมงานจะยกตัวอย่างของจริงที่เกิดบัตรเครดิตของ Webmaster นี่แหละ เอามาให้ดูครับ ซึ่งโดน Hack มาโดยตลอด แต่บังเอิญว่าขณะที่เขียนหน้าเวบอยู่นี้เป็นปี พ.ศ.2558 ก็เลยจะยกตัวอย่างของปีนี้ ( พ.ศ.2558 ) มาให้ดูกันนะครับ และคุณผู้อ่านที่ทำงานอยู่กับธนาคารไทยพาณิชย์ ก็สามารถเข้าไปดูข้อมูลพวกนี้ได้ว่า "จริงหรือเปล่า?" กับตัวอย่างที่ทีมงานจะเอามาให้ดูนี้ / โดยเข้าไปดูที่ข้อมูลบัตรเครดิตของ ไทยพาณิชย์วีซ่า ของคุณวิษณุ ตุวยานนท์ อันที่ลงท้ายสองตัวสุดท้ายว่า 33 น่ะครับ ( ตอนนี้ บัตรเครดิตใบนี้ถูกอายัดไปแล้ว แต่ยังไงข้อมูลก็ยังอยู่ที่ธนาคารไทยพาณิชย์อยู่ดี ถ้าคุณเป็นพนักงานธนาคารไทยพาณิชย์ก็คงสามารถเข้าไปดูได้ จะได้รู้ว่า Webmaster โกหกคุณหรือเปล่า? ) |
![]() ![]() |
( ภาพบน )
ทีมงานต้องคอยลดเงินในบัตรเครดิตให้เหลือไม่เกิน 10 บาทอยู่ตลอดเวลา เพื่อป้องกันการโดน Hack |
(
ภาพบน
) วิธีการป้องกันที่ Webmaster
ใช้อยู่ก็คือการพยายามให้เงินในบัตรเครดิตเหลือไม่เกิน 10
บาทอยู่เสมอนะครับ แต่ที่ทีมงานบอกไว้ตั้งแต่ตอนต้นว่า
ไม่สามารถพูดเรื่อง "วิธีป้องกัน" ให้ฟังได้"
ก็เพราะว่าการป้องกันแบบข้างบนนี้ (
คือให้เหลือเงินไม่เกิน 10 บาทอยู่เสมอ ) มันก็ยังโดน Hack
ได้อยู่ดี ( ตอนนี้อ่านไปเรื่อยๆก่อนครับ
เดี๋ยวมันจะถึงเนื้อหาตรงนั้นเอง ) |
![]() |
( หมายเหตุ
- รายการข้างบนนี้ อาจจะเป็นของ พ.ศ.2559 นะครับ ไม่แน่ใจ เพราะว่า
เนื่องจากการที่มิจฉาชีพมันทำรายการไม่สำเร็จ
มันก็เลยไม่ได้โชว์ในสเตทเม้นท์ แต่มันจะโชว์ที่ข้อมูลบัตร
ซึ่งพนักงานของธนาคารไทยพาณิชย์สามารถเปิดคอมพิวเตอร์เข้าไปดูได้อยู่แล้วครับ
ว่าทีมงานพูดจริงหรือเปล่า? ) คือตามปกติ Webmaster จะเอาเงินใส่ไว้ในบัตรประมาณ 9 - 10 บาท แล้วเวลาจะสั่งซื้อสินค้าให้ลูกค้าถึงค่อยเอาเงินเข้าบัตรเครดิตแล้วค่อยให้ทีมงาน Tuvagroup.com สั่งซื้อสินค้าให้ลูกค้า ต่อมาเมื่อวันที่ 20 มกราคม ทาง Webmaster ก็เอาเงินเข้าบัตรไว้ให้เรียบร้อยแล้วเพื่อจะให้ทีมงานซื้อสินค้าให้กับลูกค้า แต่ปรากฏว่าทีมงานไม่สามารถซื้อสินค้าให้ลูกค้าได้ เนื่องจากทางบริษัทวีซ่าไม่อนุมัติเงิน จากการโทรไปสอบถาม ปรากฏว่าเมื่อวันที่ 17 มกราคม ( คือก่อนหน้านั้น 3 วัน ) ได้มีการเรียกเก็บเงินมาในยอด 444 เหรียญ จากชื่อเวบอะไรจำไม่ได้ เนื่องจากมีชื่อยาวมาก / ซึ่งยอดเงิน 444 เหรียญ หรือราวๆหนึ่งหมื่นหกพันบาทนั้น ทำรายการไม่สำเร็จเนื่องจากเงินในบัตรของ Webmaster มีแค่ 9 บาทกว่าๆ พอทำรายการไม่สำเร็จ เจ้าหน้าที่ธนาคารไทยพาณิชย์จึง Block บัตรเครดิตเอาไว้ ดังนั้น ในวันที่ 20 มกราคม ทางทีมงานจึงไม่สามารถสั่งซื้อของให้ลูกค้าท่านอื่นได้ เนื่องจากทางธนาคารไทยพาณิชย์ได้ Block บัตรเอาไว้ตั้งแต่วันที่ 17 มกราคม หลังจากติดต่อกับธนาคารแล้ว และทาง Webmaster ยืนยันว่าไม่เคยทำรายการ 444 เหรียญแต่อย่างใด ทางธนาคารก็ปลด Block บัตรให้ และก็ไม่ได้ดำเนินคดีกับคน Hack เพราะว่ามันเอาเงินออกไปไม่ได้ เนื่องจากเงินไม่พอ ( ก็คือ Hack มา 1หมื่นหกพันบาท แต่ในบัตรมีแค่ 9 บาทกว่าๆ ) ลองคิดกันเล่นๆว่า ถ้าวันที่ 17 มกราคม มีเงินอยู่ในบัตรเครดิตพอที่จะให้มิจฉาชีพ Hack เงินได้ Webmaster ก็ต้องโดน Hack ไปหมื่นหกพันบาทเต็มๆ และแม้ว่าจะทำเรื่องขอดึงเงินคืนจากธนาคารได้ แต่ก็ต้องใช้เวลา "3 เดือน" กว่าจะได้รับเงินคืน / ดังนั้น การที่ทิ้งเงินในบัตรไว้แค่ 9 บาทกว่าๆตลอดเวลา จึงทำให้ Webmaster ผ่านเรื่องร้ายนี้มาได้ |
![]() |
เรื่องของเรื่องก็คือว่าเมื่อประมาณกลางเดือนมิถุนายน 2558 (
ก่อนเกิดเหตุประมาณ 4 วัน ) ทาง
Webmaster ได้เอาเงินเข้าบัตรเครดิตเพื่อเตรียมจะให้ทีมงาน Tuvagroup.com
ซื้อสินค้าให้กับลูกค้าท่านหนึ่ง แต่ตอนจะสั่งซื้อ บังเอิญว่าคุณลูกค้าท่านนั้น ขอลดปริมาณการสั่งซื้อลง ซึ่งทีมงานก็ดำเนินการไปตามที่คุณลูกค้าคนนั้นต้องการ ( คือสั่งซื้อสินค้าน้อยลง ) ผลของการสั่งซื้อสินค้าน้อยลง ก็เลยมีผลให้มีเงินเหลือในบัตรราวๆ 2 พันกว่าบาท ปรากฏว่าในวันที่ 19 มิถุนายน 2558 ได้มีคนร้ายมา Hack เงินในบัตรเครดิตไป รวมทั้งสิ้น 2,298 บาท ตามที่ปรากฏหลักฐานดังภาพข้างล่างนี้ |
![]() |
(
ภาพบน ) พอมิจฉาชีพมัน Hack เงินไป
2,298 บาทตั้งแต่วันที่ 16 มิถุนายน 2558
เงินมันก็เหลือในบัตรแค่ประมาณ 20 บาทกว่าๆ ทาง Webmaster
และทีมงานก็ลืมไปว่ามันควรจะเหลือเงิน 2 พันกว่าบาท (
ต้องเข้าใจนะครับว่า สเตทเม้นท์ของเดือนมิถุนายน
2558 มันจะออกวันที่ 12 กรกฏาคม 2558 และออกแค่เดือนละ 1
ครั้งเท่านั้น ) ดังนั้น พอจะทำรายการสั่งซื้อสินค้าให้กับลูกค้าท่านต่อไป ทาง Webmaster ก็เอาเงินเข้าบัตรเหมือนเดิม แล้วก็ให้ทีมงานซื้อสินค้าให้กับลูกค้าท่านอื่นต่อไป โดยที่ลืมไปว่าเงินหายไปแล้ว 2,298 บาท ( เพราะสเตทเม้นท์ตอนนั้น มันยังไม่ออก และยอดเงินมันก็เหลือในบัตรราวๆ 20 กว่าบาท ก็เลยลืมไปเลยว่ามันควรจะเหลือ 2 พันกว่าบาท ) จนกระทั่งต่อมาอีกเกือบเดือน คือวันที่ 12 กรกฏาคม 2558 ที่เสตทเม้นท์ออกนั่นแหละ ทาง Webmaster ถึงพึ่งรู้ว่าโดน Hack เงินไปตั้งแต่วันที่ 16 มิถุนายน 2558 เป็นยอดเงิน 2,298 บาท ตามที่ปรากฏอยู่ในแถบสีเหลืองในภาพข้างบนนี้ ( หมายเหตุ - ที่รายการโดน Hack ข้างบนนี้ ปรากฏบนสเตทเม้นท์ ก็เพราะรายการนี้ Hacker มันทำได้สำเร็จ คือมันเอาเงินไปได้ / แต่รายการแรก ไม่ปรากฏบนสเตทเม้นท์ก็เพราะ Hacker มันทำไม่สำเร็จ เนื่องจากมีเงินในบัตรแค่ 9 บาทกว่าๆ ดันมาเรียกเงินตั้งหมื่นหกพันบาท ) |
![]() |
http://www.tuvagroup.com/5809septemberstate.html ( ภาพบน ) สเตทเม้นท์บัตรเครดิตประจำเดือนกันยายน พ.ศ.2558 |
![]() |
(
ภาพบน ) ตอนที่บัตรเครดิตโดน
Hack คือวันที่ 19/06 ( วันที่
19 มิถุนายน 2558 ) และกว่าที่ทางธนาคารจะคืนเงินที่ถูก Hack
ไปเพื่อกลับมาเข้าบัญชีเดิม ก็คือวันที่ 16/09 (
วันที่ 16 กันยายน 2558 )
ตามที่เห็นอยู่ในสเตทเม้นท์ภาพข้างบนนี้ / ซึ่งต้องกินเวลาถึง 3
เดือนกว่าจะได้เงินคืน แล้วลองคิดดูนะครับ ถ้ามิจฉาชีพมัน Hack เงินคุณไปหมดทั้งบัตรเลย เช่น Hack ไป 50,000 บาท / แล้วคุณต้องรอถึง 3 เดือนกว่าจะได้เงินคืน / ลองคิดดูว่าอะไรจะเกิดขึ้น? มันก็คือการที่เงินของคุณหายไปจากระบบธุรกรรมส่วนตัวของคุณเลย 50,000 บาทตั้ง 3 เดือน แล้วธุรกิจของคุณจะได้รับผลกระทบขนาดไหน? เสียหายมากนะครับ! และตัวอย่างที่เล่ามานี้ ก็เป็นของจริงนะครับ มีหลักฐานสเตทเม้นท์โชว์ให้คุณดูเลย อย่าคิดนะครับว่าการจะถูกมิจฉาชีพ Hack เอานั้นเป็นเรื่องไกลตัวคุณ เพราะความจริงแล้ว มิจฉาชีพมันอยู่ตรงปลายจมูกคุณนี่เองครับ |
![]() |
( หมายเหตุ
- รายการข้างบนนี้ เป็นของปี พ.ศ.2558 แน่นอนร้อยเปอร์เซ็นครับ
แต่อาจคลาดเคลื่อนเรื่องวันที่ไปประมาณ 2 - 3 วันนะครับ เพราะว่า
เนื่องจากการที่มิจฉาชีพมันทำรายการไม่สำเร็จ
มันก็เลยไม่ได้โชว์ในสเตทเม้นท์ แต่มันจะโชว์ที่ข้อมูลบัตร
ซึ่งพนักงานของธนาคารไทยพาณิชย์สามารถเปิดคอมพิวเตอร์เข้าไปดูได้อยู่แล้วครับ
ว่าทีมงานพูดจริงหรือเปล่า? ) ประมาณวันที่ 22 กันยายน 2558 ( หลังเกิดเหตุโดน Hack ประมาณ 2 วัน ) ทาง Webmaster เอาเงินเข้าบัตรเพื่อเตรียมจะให้ทีมงานซื้อสินค้าให้ลูกค้าท่านหนึ่ง / แต่แล้วก็เกิดเหตุการณ์ดึงเงินจากบัตรไม่ได้อีกแล้ว / ดังนั้น ทาง Webmaster จึงไปติดต่อกับธนาคาร ทางธนาคารแจ้งว่าก่อนหน้านั้น 2 วัน คือวันที่ 20 กันยายน 2558 ได้มีรายการเรียกเก็บเงิน 0.30 เหรียญ จากเวบชื่อ ... ( พนักงานธนาคารบอกชื่อเวบมา แต่ Webmaster จำชื่อไม่ได้หมด แต่จำได้ว่ามีคำว่า "Apple" อยู่ในชื่อเวบนั้นด้วย ) / ซึ่งยอดเรียกเก็บ 0.30 เหรียญ หรือประมาณ 10 บาทนั้น ก็ไม่สามารถทำรายการได้ เพราะยอดเงินในบัตรของ Webmaster ณ.วันที่ 20 กันยายน 2558 นั้น มีแค่ 9 บาทกว่าๆ ( ซึ่ง Webmaster ก็จะทิ้งไว้เท่านี้เป็นปกติอยู่แล้ว ) พอทำรายการไม่ผ่าน ( เพราะยอดเงินไม่พอ ) ทางธนาคารไทยพาณิชย์ ก็เลย Block บัตรเครดิตของ Webmaster เอาไว้ตามระเบียบ ก็เลยเป็นเหตุให้เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2558 แม้ว่า Webmaster จะเอาเงินเข้าบัตรเพื่อรอจะซื้อสินค้าให้ลูกค้าท่านอื่น ก็เลยไม่สามารถใช้บัตรนั้นได้ เพราะธนาคารไทยพาณิชย์ Block บัตรนั้นอยู่ หลังจากทำเรื่องถอน Block แล้ว ก็นำบัตรมาใช้ได้ตามปกติ วิธีการของ Hacker คนนี้คือ ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() |
![]() |
เผื่อหลายท่านยังไม่ทราบนะครับ ว่าจริงๆแล้ว Webmaster ของเราคือ
พันตำรวจเอกวิษณุ ตุวยานนท์
เป็นนายตำรวจระดับพันตำรวจเอกนะครับ บัตรเครดิตของแกยังโดน Hack เลย
แล้วประสาอะไรกับคนธรรมดาที่ไม่ใช่ตำรวจล่ะครับ ที่จะรอดไปจากการโดน Hack
ได้น่ะ มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วจริงไหมครับ? สำหรับคำถามทีว่าทำไมมันไม่กลัวถูกจับหรือ? คำตอบก็คือ มันวางแผนเอาไว้ล่วงหน้าก่อนแล้วครับ / อย่าลืมนะครับว่ามันมีศิษย์ มีครู อยู่นในสมาคม Hacker ของมัน มันก็ย่อมสอนวิธีเอาตัวรอดกันอยู่แล้ว เรามาดูกันครับว่ามันเอาตัวรอดกันยังไง? |
![]() |
(
ภาพบน ) วิธีการที่มิจฉาชีพฝรั่งคนที่ Hack นี้
ใช้ป้องกันตัว โดยไม่ให้ใครสาวไปถึงตัวเขาได้
ก็คือ มันจะเปิด Face book ของตัวเองหลอกๆขึ้นมาก่อน / จากนั้นก็ Hack
เงินในบัตรของ Webmaster ไปซื้อ "บัตรเติมเงินสำหรับเล่นเกมส์" จากเวบ
Steamgame.com ที่เห็นอยู่ใน
วงรีสีน้ำเงิน ที่เห็นในภาพข้างบนนี้
ซึ่งเป็นเวบเปิด ที่ใครๆก็เข้าไปเล่นได้ (
ลองคลิ๊กเข้าไปดูก้ได้ครับ ที่ www.steamgame.com
) / แล้วเอา "บัตรเติมเงิน" นั้น ไปประกาศขายใน Facebook
ของตัวเอง จากนั้นก็จะมีฝรั่งอีกคนหนึ่ง ที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ดันไปซื้อ "รหัสของบัตรเติมเงิน" นี้ ( คือไปซื้อใน Face book ของมิจฉาชีพ คนที่ Hack เงินในบัตรเครดิตของทีมงาน Webmaster ไป ) แล้วนำไปใช้ / ตำรวจของฝรั่งเขาก็ตามไปรวบตัวได้ที่บ้านเลย แล้วพอฝรั่งที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่คนนี้ บอกว่าไปซื้อมาจาก Facebook ในอินเตอร์เน็ท ก็ปรากฏว่าไม่สามารถเปิด Facebook นั้นได้แล้ว เพราะมิจฉาชีพคนนั้น พอขายรหัสเติมเงินได้ มันก็ปิด Facebook หนีไปแล้ว ( ขอแทรกนิดนึงครับ - เงินที่ถูก Hack พวกนี้ ทีมงานจะรับผิดชอบเองครับ คือหมายความว่า ถ้าเป็นเงินที่คุณลูกค้าโอนมาให้ทีมงาน เพื่อจะให้สั่งซื้อของ แล้วเงินจำนวนนั้นโดน Hack เหมือนในตัวอย่างที่เห็นข้างบนนี้ ก็ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ คือมันจะไม่กระทบถึงกันน่ะครับ ทีมงานจะเอาเงินสำรองออกให้กับคุณลูกค้า และซื้อสินค้าให้กับคุณลูกค้าตามปกติไป ( ไม่ช้าไปกว่าเดิมครับ คือเหมือนไม่ได้มีการ Hack เกิดขึ้น ) ส่วนเงินที่ถูก Hack นั้น ทีมงานก็จะไปตามเรื่องของทีมงานเอง ไม่ต้องห่วงว่าจะทำให้การซื้อสินค้าให้คุณลูกค้านั้นช้าลงแต่อย่างใดครับ ) |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
( ภาพบน
) ตามปกติ Webmaster จะใช้บัตรเครดิตทำงานทุกวัน การที่อายัดบัตรเก่า
แล้วรอบัตรใหม่นั้น ต้องรอเป็นอาทิตย์ๆ Webmaster
บอกว่ามันน่าหงุดหงิดจริงๆ ฉันท์ใดก็ฉันท์นั้น คือถ้าคุณผู้อ่านใช้บัตรเครดิตของตัวเองในการสั่งซื้อสินค้าจากต่างประเทศ แล้วโดน Hack แล้วต้องอายัดบัตรเครดิตเหมือนของ Webmaster แล้วล่ะก็ คุณก็ต้องหงุดหงิดในการรอบัตรใหม่เหมือน Webmaster เช่นกันครับ ฉะนั้น ถ้าไม่อยากหงุดหงิดกับการต้องรอบัตรเครดิตใบใหม่มาแทนใบที่โดน Hack / ก็ใช้บริการซื้อสินค้าจากต่างประเทศจากทีมงาน Tuvagroup.com น่ะดีแล้วครับ จะได้ไม่มีมิจฉาชีพคนไหนไป Hack บัตรเครดิตคุณได้ แล้วคุณก็จะได้ไม่ต้องเปลียนบัตรเครดิตใบใหม่ให้ยุ่งยาก ( หมายเหตุ - ทีมงานบอกว่า Webmaster เปลี่ยนบัตรเครดิตบ่อย แต่เวลาคุณผู้อ่านไปดูสเตทเม้นท์ที่ลิงค์ http://www.tuvagroup.com/stateindex.html ก็เห็นว่าบัตรเครดิตมันเขียนว่า "ลงท้ายด้วย 33" มาหลายปีแล้ว? / นั่นก็เพราะว่าบัตรเครดิตใบใหม่ กับใบเก่า มันก็ลงท้ายด้วย 33 เหมือนกันนั่นเองครับ เหมือนที่เห็นในรูปข้างบนนี้ / พอดูในเสคทเม้นท์ก็เลยเหมือนว่า Webmaster ไม่ได้เปลี่ยนบัตรเครดิตเลย ) |
![]() |
หวังว่าคำพูดเตือนใจข้างล่างนี้จะเป็นประโยชน์กับคุณผู้อ่านนะครับ
![]() คุณจะไม่ต้องกังวลกับเรื่องเหล่านี้ ( หมายถึงกังวลเรื่องที่ต้องคอยลดเงินในบัตรให้เหลือแค่ไม่เกิน 10 บาทอยู่ตลอดเวลา ) หากคุณใช้บัตรเครดิตของคุณไปตามปกติ คือปล่อยให้มีเงินเต็มวงเงินอยู่ 5 หมื่นบาทเลย เพียงแต่มีเงื่อนไขเดียวว่า ให้ใช้บัตรเครดิตของคุณซื้อของในประเทศเท่านั้น แล้วเวลาซื้อของต่างประเทศ คุณก็ยกความเสี่ยง ( ความเสี่ยงเรื่องที่จะโดน Hack บัตรเครดิต ) มาให้กับทีมงาน Tuvagroup.com เสีย ด้วยการใช้บริการฝากซื้อสินค้าจากต่างประเทศจากทีมงาน Tuvagroup.com นั่นเองครับ เพียงเท่านี้ บัตรเครดิตของคุณก็ไม่มีความเสี่ยงในการที่จะถูก Hack แล้ว เพราะคุณไม่เคยใช้บัตรเครดิตของคุณซื้อของจากต่างประเทศเลย / ดังนั้น เมื่อบัตรเครดิตของคุณไม่มีความเสี่ยงในการถูก Hack คุณก็เอาเงินเก็บไว้ในบัตรเครดิตของคุณให้เต็มวงเงิน ได้อย่างสบายใจ ไม่ต้องมาคอยลดเงินในบัตรเครดิตให้เหลือแค่ไม่เกิน 10 บาทอยู่ตลอดเวลาน่ะครับ ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() เพราะถ้าประสบการณ์ หรือความเป็นมืออาชีพในการใช้บัตรเคริตของตัวเอง ซื้อของจากต่างประเทศ มันช่วยให้คุณไม่โดน Hack เงินได้ แล้วทำไม ทีมงาน Tuvagroup.com ยังโดน Hack เงินได้ล่ะครับ ทั้งๆที่ทีมงานทำงานด้านนี้เป็นอาชีพแท้ๆ ( คือ ทำงานด้านการใช้บัตรเครดิตของตัวเองในการซื้อของจากต่างประเทศมาโดยตลอด ) มีความเป็นมืออาชีพมากกว่าคุณ แต่ก็ยังโดน Hack เลย คุณอาจคิดว่า ถ้าเรียนรู้ประสบการณ์ด้วยตัวเอง ก็คงจะช่วยแยกแยะได้ว่า เวบไหนควรซื้อ เวบไหนไม่ควรซื้อเพราะเสี่ยงกับการโดน Hack / ทีมงานขอบอกว่า อย่าเสียเวลาเปล่าเลยครับ เพราะพวกมิจฉาชีพ มันย่อมมีหนทางของมันในการล่าเหยื่ออยู่แล้ว ขนาดทีมงาน Tuvagroup.com ซื้อของต่างประเทศมาจะสิบปี ยังแยกไม่ออกระหว่างคนดีกับคนเลวบนโลกออนไลน์เลยครับ - มันอยู่ที่ว่าจะโดน ( Hack ) เมื่อไร? และหลังจากโดน Hack แล้วจะแก้ไขสถานะการณ์อย่างไร? ต่างหาก มันเป็นคนละเรื่องกับการที่คุณไปทานผัดกระเพราที่ร้านอาหารนอกบ้าน แล้วก็มาคิดว่า น่าจะลองหัดทำผัดกระเพรากินเองที่บ้าน จะได้ไม่ต้องไปซื้อกินนอกบ้าน "จะได้ประหยัดเงิน" / ที่ทีมงานบอกว่ามันเป็นคนละเรื่องก็เพราะว่า คุณไม่จำเป็นต้องลองใช้บัตรเครดิตตัวเอง หาประสบการณ์สั่งซื้อสินค้าจากต่างประเทศ เพื่อ "จะได้ประหยัดเงิน" ( ที่จะต้องมาจ้างทีมงานซื้อของให้ในราคา 100 บาท ) / เพราะการทำผัดกระเพรากินเองที่บ้าน มันไม่มี "โจร" คอยจ้องเล่นงานคุณอยู่นี่ครับ ในขณะที่การใช้บัตรเครดิตซื้อสินค้าจากต่างประเทศ มันมี "โจร" คอยจ้องจะงาบ จะ Hack เงินในบัตรเครดิตของคุณอยู่ และประสบการณ์ก็ช่วยอะไรคุณไม่ได้ด้วย ( ไม่อย่างนั้นทีมงานจะโดน Hack เองหรือครับ ) ดังนั้น ทีมงานถึงบอกว่า คุณไม่จำเป็นต้องเอาบัตรเครดิตของคุณเอง ไปเสี่ยง ( ที่จะโดน Hack ) เพื่อแลกกับประสบการณ์หรอกครับ มันช่วยอะไรไม่ได้ / สู้เก็บบัตรเครดิตของคุณไว้ในที่ปลอดภัย ( เช่นซื้อของในประเทศ ) แล้วเวลาที่จะซื้ออะไรเสี่ยงๆ ( หมายถึงซื้อของจากต่างประเทศ ) ก็มาใช้บริการรับฝากซื้อสินค้าของทีมงาน Tuvagroup.com ดีกว่าครับ ในขั้นตอนต่อไป ก็คือคำแนะนำในกรณีที่คุณโดนมิจฉาชีพ Hack เงินในบัตรเครดิตของคุณไปแล้วนะครับว่า ต้องทำอย่างไรต่อไป โดยบัตรเครดิตของ Webmaster เป็นของธนาคารไทยพาณิชย์นะครับ ดังนั้น วิธีแก้ไขที่จะบอกนี้ จึงเป็นแนวทางสำหรับผู้ที่ใช้บัตรเครดิตของไทยพาณิชย์เหมือนๆกับที่ทีมงาน Tuvagroup.com ใช้นะครับ / สำหรับบัตรเครดิตของธนาคารอื่น ก็จะมีวิธีแก้ไขที่คล้ายๆกันครับ |
![]() |
( ภาพบน )
ก่อนอื่น ให้โทรเบอร์ 02 - 777 - 7777 เพื่อติดต่อธนาคารไทยพาณิชย์ก่อน |
![]() |
( ภาพบน ) อายัดบัตรเครดิต ! ภาพจากเวบ mootools.net |
(
ภาพบน ) เมื่อโทรไปแจ้งที่เบอร์ 02
- 777 - 7777 นั้น เจ้าหน้าที่เขาก็จะแนะนำให้คุณอายัดบัตรเครดิต
เพราะว่า เมื่อคนร้าย Hack บัตรเครดิตคุณได้ ก็แสดงว่า
เขามีข้อมูลในบัตรของคุณทุกอย่างแล้ว (
อันได้แก่ชื่อ ,ชื่อสกุล ,หมายเลขบัตร
,เลขรหัสลับ ,วันหมดอายุของบัตร ) ดังนั้น เขาก็อาจจะเข้ามา Hack
"ซ้ำ" ที่บัตรของคุณอีกก็ได้ นี่คือสาเหตุที่ว่า ทำไมเราถึงต้องทำลายบัตรเครดิตใบนี้ทิ้งไปเลย ไม่สามารถใช้ได้อีกต่อไป ( ซึ่งคำตอบของสาเหตุที่ว่านี้ก็คือว่า เพราะเรากลัวว่า มิจฉาชีพ มันจะมา Hack "ซ้ำ" นั่นเอง ) หลังจากอายัตบัตรเครดิตแล้ว เราก็ขอแบบฟอร์มสำหรับกรอกรายการที่โดน Hack ไป / ซึ่งแบบฟอร์มของธนาคารไทยพาณิชย์ ก็จะเหมือนในรูปข้างล่างนี้ครับ |
![]() ![]() ![]() |
( ภาพบน ) แบบฟอร์มการแจ้งรายการที่ถูก Hack |
02 - 777 - 6885 |
![]() |
ภาพจาก iconarchive.com |
(
ภาพบน )
หลังจากกรอกข้อมูลลงในแบบฟอร์มเรียบร้อยแล้ว
ก็ให้แฟ็กซ์ข้อมูลดังกล่าวไปให้ธนาคารไทยพาณิชย์ โดยใช้หมายเลข Fax
02 - 777 - 6885 ขั้นตอนหลักๆก็จะมีเท่านี้ ( ทีมงานมีประสบการณ์การถูก Hack บ่อยจนเชี่ยวชาญแล้วครับ ถึงได้อธิบายขั้นตอนต่างๆข้างบนนี้ให้แก่คุณผู้อ่านได้ รวมถึง แบบฟอร์ม และเบอร์โทรศัพท์ ฯลฯ ได้ชัดเจน ) คุณผู้อ่านอาจเห็นว่า ไม่เห็นยากเลย ถ้าจะโดน Hack สักที ก็แค่ทำตามขั้นตอนง่ายๆที่ทีมงานเอามาให้อ่านข้างบนนี้ ก็เท่านั้นเอง แต่ความจริง มันมีสิ่งอื่นที่ตามมาหลังการโดน Hack นะครับ นั่นคือการ "เสียความมั่นใจ" คือว่า ตัวทีมงานเองโดนมาหลายครั้งแล้ว ก็เลยเฉยๆ / แต่กับบางคน ( เช่นคุณผู้อ่าน ) ถ้าคุณโดน Hack กับตัวเองสักครั้ง คุณจะรู้สึก "เสียความมั่นใจ" "รู้สึกไม่ปลอดภัย" "ฉันพลาดแล้วหรือนี่" ฯลฯ นี่ยังไม่รวมถึงคุณต้อง "ขาดความสะดวกสบาย" ในช่วงที่ไม่มีบัตรเครดิตใช้ ซึ่งแต่ก่อนเราใช้บัตรเครดิตซื้อโน่นซื้อนี่จนเคยชิน แต่พอไม่มีบัตรใช้เพราะต้องรอทำบัตรใหม่ มันก็เป็นอะไรที่น่าหงุดหงิดเหมือนกัน ตัวทีมงานเองนั้น มีบัตรเครดิตหลายใบ เพื่อรองรับกับปัญหาเรื่องแบบนี้ คือถ้าบัตรใบนึงต้องถูกอายัดไป ก็ใช้อีกใบหนึ่ง ซื้อของให้กับคุณลูกค้าท่านอื่นๆได้ / พูดง่ายๆคือ ทีมงานมีอุปกรณ์รองรับสำหรับปัญหาที่อาจเกิดขึ้น ( เช่นการถูก Hack เงินในบัตร จนต้องอายัดบัตร ) ในขณะที่ตัวคุณผู้อ่านเอง อาจไม่ได้มีบัตรเครดิตหลายใบเหมือนทีมงาน ( เพราะการมีบัตรเครดิตหลายใบ ก็คือการที่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมประจำปีสำหรับบัตรเครดิตแต่ละใบ เป็นเงินหลายบาทด้วย ) ก็เลยทำให้คุณผู้อ่าน ต้องขาดความสะดวกสบายไปช่วงหนึ่ง ( คือช่วงที่รอทำบัตรเครดิตใหม่ ) ในโลกใบนี้ มันมีบางสถานที่ ที่เขามีสงคราม มียิงกัน มีฆ่ากัน วิธีที่จะอยู่ในโลกใบนี้ให้มีความสุข ก็คือ อย่าไปอยู่ตรงที่มีสถานะการณ์ที่เขา ยิงกัน ฆ่ากัน แล้วเราก็ใช้ชีวิตในส่วนของเราไป เท่านี้ก็มีความสุขกับชีวิตได้แล้ว / ฉันท์ใดก็ฉันท์นั้น คุณก็รู้อยู่แล้วว่า โลกของการซื้อสินค้าจากต่างประเทศ มันมีความเสี่ยงเรื่องการถูก Hack ข้อมูลบัตรเครดิต ดังนั้น วิธีที่จะอยู่ได้อย่างไม่ต้องกังวลก็คือ คุณก็ไม่ต้องไปอยู่ตรงสถานะการณ์นั้น ( คืออย่าไปอยู่ในสถานะการณ์ที่อาจถูก Hack ข้อมูลบัตรเครดิต ) วิธีเลี่ยงไม่ให้เราต้องไปตกอยู่ในสถานะการณ์ที่อาจถูก Hack บัตรเครดิตได้นั้น มีสองวิธี โดยวิธีแรกก็คือ ไม่ต้องซื้อของต่างประเทศ / ส่วนอีกวิธีหนึ่ง ( ซึ่งดีกว่าวิธีแรก ) ก็คือ ถ้าต้องการซื้อของต่างประเทศ ก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผู้ที่มีอาชีพทางด้านนี้ ( คืออาชีพรับฝากซื้อสินค้าต่างประเทศโดยเฉพาะ เช่น ทีมงาน Tuvagroup.com ) เพราะผู้ที่มีอาชีพรับฝากซื้อสินค้าจากต่างประเทศนั้น ย่อมรู้ทางหนีทีไล่ได้ดีกว่าคุณนั่นเองครับ ก็เหมือนกับว่า ถ้าคุณอยากกิน "เป็ดปักกิ่ง" คุณก็ไม่จำเป็นต้องไปสร้างประสบการณ์ ในการเลี้ยงเป็ด ,ฝึกทำแป้งห่อ ,ปลูกผัก ,เรียนวิธีปรุงรสน้ำราด ,เครื่องเคียง สำหรับเปิดปักกิ่ง ด้วยตัวเองให้เสียเวลา คุณควรให้หน้าที่พวกนี้ ( เลี้ยงเป็ด ,ทำแป้งห่อ ฯลฯ ) ไปเป็นของผู้เชี่ยวชาญ เช่น คนเลี้ยงเป็ด ,หรือพ่อครัวที่ทำเป็ดปักกิ่ง ทำจะดีกว่า แล้วคุณก็เอาเวลาที่จะต้องเลี้ยงเป็ด ,ทำแป้งห่อ ฯลฯ นั้น ไปทำมาหากินในอาชีพที่คุณกำลังทำอยู่ และเมื่อคุณได้เงินจากอาชีพของคุณแล้ว ก็ค่อยเอาเงินนั้นไปซื้อ "เป็ดปักกิ่ง" มาทาน / อย่างนี้ง่ายกว่ากันเยอะ ฉันท์ใดก็ฉันท์นั้น ถ้าคุณอยากซื้อสินค้าจากต่างประเทศ คุณก็ไม่จำเป็นต้องไปสร้างประสบการณ์ ด้วยการเอาบัตรเครดิตของคุณไป เสี่ยงต่อการถูก Hack ให้ยุ่งยาก คุณก็แค่ใช้เงินของคุณ จ้างทีมงาน Tuvagroup.com ซึ่งมีประสบการณ์ในการซื้อสินค้าจากต่างประเทศมาจะสิบปีแล้ว ทำงานให้คุณดีกว่าครับ หมายเหตุ - ทาง Webmaster ได้มอบนโยบายไว้นะครับว่า หากคุณผู้อ่าน ใช้บัตรเครดิตของตัวเอง ในการซื้อของต่างประเทศ แล้วเกิดปัญหาใดๆก็ตาม แล้วมาขอคำปรึกษาจากทีมงาน Tuvagroup.com นั้น ทาง Webmaster ขอสงวนคำตอบนะครับ เนื่องจากประสบการณ์แต่ละอย่างที่เวบของเราได้รับมานั้น แลกมาด้วยเงิน "เป็นหลักแสน" คือทั้งโดนยึด ,โดนโกง ,ทะเลาะกับคนขาย ,ทะเลาะกับธนาคาร ,ทะเลาะกับเจ้าหน้าที่ไปรษณีย์ ,ทะเลาะกับเจ้าหน้าที่ศุลกากร ที่ด่านศุลกากร ฯลฯ มามากมายแล้ว ดังนั้น หากคุณไม่ได้ใช้บริการของทีมงาน Tuvagroup.com ในการสั่งซื้อสินค้าตั้งแต่แรก แล้วมีปัญหาใดๆเกิดขึ้น ทีมงานก็ไม่สามารถให้คำปรึกษาใดๆ และไม่สามารถแก้ปัญหาใดๆให้กับคุณได้นะครับผม เพราะถือว่าประสบการณ์ที่ทีมงานได้รับมา มันก็เป็นเคล็ดลับทางการค้าอย่างหนึ่ง เหมือนพวกสูตรน้ำจิ้ม หรือสูตรปรุงรสที่เป็นความลับ ที่ไม่สามารถถ่ายทอดให้กับบุคคลอื่นได้น่ะครับ |
- END - |