ส่งชื่ออีเมลล์ผ่านอีเบย์ไม่ได้ |
ระบบของบริษัทอีเบย์ก็คือว่า บริษัทอีเบย์จะเปิดหน้าเวบเพื่อให้บุคคลทั่วไป
"เช่าพื้นที่" เพื่อใช้ในการวางขายสินค้า โดยรายได้หลักของอีเบย์จะมีอยู่สองทางคือ ![]() โดยอัตราค่าเช่าก็จะแตกต่างกันไป ขึ้นกับว่าเช่านานเท่าไร / พ่อค้าบางคนก็เช่าร้านแค่ 3 วัน บางคนก็ 7 วัน เพื่อวางสินค้าสำหรับให้ลูกค้า "ประมูล" / ส่วนพ่อค้าบางคนก็วางขายสินค้าแบบ "ไม่ต้องประมูล" คือวางขายสินค้าเฉยๆ กรณีนี้ พ่อค้าพวกนี้จะเช่าพื้นที่เป็นระยะเวลา 30 วัน ( คือ 1 เดือน ) แล้วก็ต่ออายุเช่าไปเรื่อยๆทีละเดือน ทีละเดือน ![]() สมมติว่า คนขายเสียค่าเช่าพื้นที่ให้กับอีเบย์เรียบร้อยแล้ว และเริ่มเอาของมาวางขายที่อีเบย์ เช่นวางขายไว้ 10 ชิ้น ( สมมตินะครับ ) / แล้วปรากฏว่าขายสินค้าได้ หรือมีคนประมูลไปได้ 7 ชิ้น / ไอ้เจ้าสินค้าทั้ง 7 ชิ้นนี้จะต้องเสีย "ค่าธรรมเนียม" ให้กับอีเบย์ด้วย ซึ่งอาจจะประมาณ 0.20 % ของราคาสินค้า ส่วน 3 ชิ้นที่ยังขายไม่ได้ หรือยังไม่มีใครมาประมูล ก็ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมให้กับอีเบย์แต่อย่างใด ( ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม แต่ก็ยังต้องเสียค่าเช่าพื้นที่นะครับ ) ก็หมายความว่า ถ้าพ่อค้าอีกคนหนึ่ง เอาของมา 10 ชิ้น มาวางขายเหมือนกัน แต่ขายไม่ได้เลยสักชิ้น พ่อค้าคนนี้ ( คนที่ขายของไม่ได้เลยนี้ ) ก็จะเสีย "ค่าเช่าพื้นที่" อย่างเดียว แต่ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมการขาย ( เพราะไม่มีสินค้าที่ขายได้เลย ) ส่วนพ่อค้าอีกคน ( ที่ขายได้ 7 ชิ้น ) เขาก็จะต้องเสียเงินให้กับอีเบย์ 2 แบบคือ เสีย "ค่าเช่าพื้นที่" และเสีย "ค่าธรรมเนียม จากการที่ขายได้ 7 ชิ้น" ให้กับทางอีเบย์ ( ส่วนอีก 3 ชิ้นที่ยังขายไม่ได้ คนขายก็ไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียม ) |
![]() |
(
ภาพบน ) เมื่ออีเบย์ออกแบบระบบมาให้พ่อค้าต้องเสียเงินให้กับอีเบย์ทั้ง
2 ทางคือ ทั้งการเสียค่าเช่าพื้นที่
และการเสียค่าธรรมเนียมสำหรับสินค้าแต่ละชิ้นที่ขายได้
มันก็มีพ่อค้าหัวใสบางคนที่อยากเอาชนะระบบนี้ / คราวนี้
เรามาดูกันว่าพ่อค้าหัวใสคนนี้เขาจะทำอย่างไร? |
![]() |
(
ภาพบน ) ถ้าเรามีสินค้าชิ้นหนึ่งที่คิดว่าน่าจะขายดี
แต่เราดันเอาไปวางขายในตลาดที่ไม่ค่อยมีคนเดิน กรณีนี้
การจะขายสินค้าได้แต่ละชิ้นก็เป็นเรื่องลำบาก แต่ถ้าเราเอาไปวางขายในตลาดที่คนเดินเยอะๆ โอกาสที่จะมีลูกค้าเดินมาเห็นสินค้าของเราแล้วเกิดอยากได้ ก็จะมีมากกว่าการเอาสินค้าไปวางขายในตลาดที่ไม่ค่อยมีคนเดิน เวบอีเบย์ก็เหมือนตลาดที่มีลูกค้าเดินอยู่เยอะ ดังนั้น แม้ว่าจะต้องเสียค่าเช่าพื้นที่ให้อีเบย์ แต่พ่อค้าก็ต้องยอม เพราะการวางขายสินค้าของเขาบนอีเบย์ ย่อมมีโอกาสที่จะขายสินค้าของเขาได้มากกว่าการวางขายที่เวบอื่นๆ |
![]() |
(
ภาพบน ) ในเมื่อสินค้าที่วางขายอยู่หน้าร้านนั้น
ถ้าขายได้เมื่อไร ทางคนขายก็จะต้องเสียค่าธรรมเนียมให้กับทางอีเบย์
ดังนั้น "พ่อค้าหัวใส" จึงใช้วิธีแบบนี้ว่า
เมื่อมีลูกค้ามาดูสินค้าและมีทีท่าสนใจว่าอยากจะซื้อสินค้าชิ้นนั้น
พ่อค้าหัวใสคนนั้น ก็จะบอกกับลูกค้าคนนั้นว่า
ลูกค้าสามารถซื้อสินค้าชิ้นเดียวกันนี้ได้ในราคาถูกกว่าหน้าร้าน
หากไปแอบซื้อกับเขา ( หมายถึงพ่อค้าหัวใสคนนั้น
) ที่หลังร้าน ซึ่งการแอบซื้อขายสินค้ากันหลังร้านนั้น ทางคนขายก็สามารถลดราคาสินค้าให้กับลูกค้าได้ เพราะคนขายไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมให้กับอีเบย์ ( คำว่าแอบซื้อขายสินค้ากันหลังร้าน ก็หมายถึงว่า ทางคนขายแอบติดต่อขายของกับให้ลูกค้า โดยผ่านช่องทางอีเมลล์หรือ Facebook / หรือไม่ก็ คนขายมีเวบขายสินค้าของตัวเองอีกเวบหนึ่ง แล้วก็บอกลูกค้าว่าให้ไปซื้อสินค้าโดยตรงที่เวบของคนขายเลย โดยที่ไม่ต้องซื้อผ่านอีเบย์ ) และเมื่อสินค้านั้น ราคาถูกกว่าสินค้าแบบเดียวกันที่ขายโดยพ่อค้าคนอื่นในอีเบย์ ก็เลยทำให้ลูกค้าคนนี้ เป็นลูกค้าประจำกับคนขายเจ้านี้ คือไม่ใช่แค่ซื้อครั้งเดียว แต่จะซื้อหลายครั้ง และยิ่งมีลูกค้าประจำมากขึ้น ( ซึ่งก็คือ มีการแอบขายสินค้ากันลับหลังอีเบย์บ่อยขึ้น ) ทางบริษัทอีเบย์ก็เลยได้แต่ค่าเช่าพื้นที่อย่างเดียว แต่ไม่ได้ค่าธรรมเนียมจากการขายสินค้านั้น เพราะสินค้าที่วางขายอยู่หน้าร้าน ยังขายไม่ได้เลยแม้แต่ชิ้นเดียว ดังนั้นอีเบย์จึงต้องคิดวิธีแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
![]() |
(
ภาพบน ) ที่ทีมงานอธิบายมาตั้งแต่บรรทัดแรกของเวบหน้านี้
มาจนถึงจุดที่คุณกำลังอ่านอยู่นี้ ก็คือการที่ทีมงาน Tuvagroup.com
กำลังพยายามอธิบายให้คุณผู้อ่านฟังถึงสาเหตุว่า "ทำไม" อีเบย์ถึงห้ามไม่ให้คนซื้อกับคนขาย
แลกเปลี่ยนชื่ออีเมลล์ หรือชื่อเวบกัน (
ซึ่งคำตอบก็คือว่า
ที่อีเบย์ทำอย่างนั้นก็เพื่อไม่ให้เกิดการแอบซื้อขายลับหลัง
หรือที่เรียกว่าซื้อขายกันนอกอีเบย์นั่นเอง ) ส่วน "วิธีการ" ที่อีเบย์ทำ ( หมายถึง "วิธีการ" ที่อีเบย์ป้องกันไม่ให้มีการแลกเปลี่ยนอีเมลล์หรือชื่อเวบกัน ) ก็คือ อีเบย์จัด "ระบบ" ในการ ตรวจสอบตัวอักษรทุกตัว ในการพูดคุยกันระหว่างคนขายกับคนซื้อ / คือถ้าปรากฏว่ามีการเขียนตรงๆ ( เช่นเขียนว่า tuvayanon@yahoo.com ) หรือ ใบ้คำ ( เช่นเขียนว่า tuvayanon at yahoo dot com ) แล้วล่ะก็ "ระบบ" จะไม่อนุญาตให้ส่งเมลล์คุยกันได้ ( ที่ทีมงานเน้นคำว่า "ระบบ" ก็เพราะว่า มันเป็นระบบอัตโนมัติในการตรวจสอบ / ไม่ใช่เป็นการที่มีคนของบริษัทอีเบย์มานั่งเฝ้าหน้าจอเพื่อตรวจสอบอีเมลล์ของเราหรอกนะครับ ) คุณผู้อ่านอาจคิดว่า ก็ไม่เห็นเป็นไรเลย ถ้าเราบริสุทธิ์ใจเสียอย่าง คือ เราก็ซื้อสินค้าผ่านอีเบย์นี่แหละ ไม่เห็นจะต้องมารับรูัเรื่องพวกนี้เลย มันไม่ใช่อย่างนั้นสิครับ! เพราะปัญหาที่มันเกิดจากการที่อีเบย์ตั้ง "ระบบ" ตรวจสอบ โดยที่ไม่ใช้คนมาตรวจสอบการพูดคุยของคนขายกับคนซื้อนั้น ก่อให้เกิดปัญหากับคนที่ซื้อโดยสุจริตใจไปด้วย ( คำว่าซื้อโดยสุจริตใจ ก็หมายถึงการซื้อของผ่านอีเบย์ โดยที่ไม่ได้แอบซื้อลับหลังอีเบย์ ) / มาดูกันว่ามันมีปัญหาอย่างไร? |
![]() |
Tuningchip Chip Audi 100 C4 S6 20V Turbo
Quattro AAN Motor Chiptuning http://www.ebay.com/itm/Tuningchip-Chip-Audi-100-C4-S6-20V-Turbo-Quattro-AAN-Motor-Chiptuning-/380649550028?hash=item58a07b30cc:g:SmUAAMXQxU9R8Xef&vxp=mtr |
(
ภาพบน ) สินค้าจากอีเบย์ในภาพข้างบนนี้
มีลักษณะดังนี้คือ ![]() ![]() จากนั้น เราก็เลื่อนหน้าเวบมาทางด้านล่าง เพื่อมาดูในส่วนของค่าส่ง ซึ่งก็เป็นดังภาพข้างล่างนี้ |
![]() |
( ภาพบน ) ข้างบนนี้ คือหน้าเวบในส่วนของการส่งพัสดุ ( Shipping and handing ) |
![]() |
(
ภาพบน ) ในบริเวณที่มี
วงรีสีม่วง
ล้อมรอบอยู่ในภาพข้างบนนี้ เขาบอกว่า "คนขายยินดีที่จะส่งสินค้าชิ้นนี้มาให้ลูกค้าที่อยู่ประเทศไทยได้
เพียงแต่ว่ายังไม่ได้ระบุแน่นอนเกี่ยวกับเรื่อง Option ของการส่ง
( เช่น ค่าส่งเท่าไร ส่งแบบไหน มี Tracking
Number หรือไม่มี Tracking Number ฯลฯ )
ขอให้เราติดต่อกับคนขายโดยตรง (
Contact the seller ) เพื่อสอบถามรายละเอียด" |
![]() |
( ภาพบน ) จากนั้นเราก็คลิ๊กไปที่ Contact the seller ตรงที่ ลูกศรสีม่วง ชี้อยู่ในภาพข้างบนนี้ |
![]() |
(
ภาพบน ) จากนั้น
หน้าเวบก็จะเปลี่ยนมาเป็นแบบที่เห็นในภาพข้างบนนี้
ซึ่งก็คือแบบฟอร์มให้เราเขียนข้อความไปถึงคนขายเพื่อจะสอบถามเรื่องต่างๆ |
![]() |
(
ภาพบน ) จากนั้นทีมงานก็พิมพ์สอบถามไปเกี่ยวกับเรื่องการชำระเงิน
ว่าชำระอย่างไร? และบอกไปด้วยว่าเราอยู่ประเทศไทย
เพื่อให้คนขายคำนวณราคาค่าส่งมาประเทศไทยให้เราด้วย |
![]() |
( ภาพบน ) จากนั้น ก็เลื่อนลงมาดูบริเวณส่วนอื่นๆของหน้าเวบ ซึ่งอยู่ด้านล่างๆ |
![]() |
(
ภาพบน ) แล้วก็ดำเนินการดังนี้คือ
![]() ![]() ![]() |
![]() |
![]() ![]() |
( ภาพบน ) ในที่สุด คนขายที่ชื่อ starflight_7 ก็ตอบกลับมา |
![]() ![]() |
(
ภาพบน ) โดยเนื้อความในจดหมายนั้น
ทางคนขายบอกว่าให้เราบอก บัญชี PayPal ของเราให้คนขายรู้
( คำว่าบัญชี PayPal นั้น ภาษาอังกฤษใช้คำว่า
paypal account - ตรงที่มี
ขีดเส้นใต้สีม่วง
ในภาพข้างบนนี้ ) เพื่อที่ว่าคนขายจะได้จะส่งใบเรียกเก็บเงิน (
invoice ) มาให้เราได้ (
คือจะส่งใบเรียกเก็บเงินไปที่บัญชี PayPal
) |
![]() |
(
ภาพบน ) บัญชี PayPal (
หรือ PayPal account ) ของทีมงาน
Tuvagroup.com คือ
tuvayanon@yahoo.com ดังนั้น ภารกิจของเราก็คือการบอกไปทางคนขายว่า PayPal account ของเราคือ tuvayanon@yahoo.com / เพื่อให้คนขายส่งใบเรียกเก็บเงินไปที่ tuvayanon@yahoo.com |
![]() ![]() |
( ภาพบน ) คลิ๊กไปที่ปุ่ม Respond ตรงที่ ลูกศรสีเขียว ชี้อยู่ในภาพข้างบนนี้ |
![]() ![]() |
( ภาพบน ) จากนั้น หน้าเวบก็จะเปลี่ยนไปเป็นแบบที่เห็นในภาพข้างบนนี้ |
![]() ![]() |
(
ภาพบน ) ณ.ตอนนี้
ให้คุณผู้อ่านสนใจเฉพาะส่วนที่อยู่ใน
กรอบเส้นประสีม่วง
ที่เห็นอยู่ในภาพข้างบนนี้เท่านั้นนะครับ |
![]() ![]() |
(
ภาพบน )
ข้างบนนี้คือภาพขยายของส่วนที่อยู่ใน
กรอบเส้นประสีม่วง ในภาพก่อนหน้านี้ ซึ่งเป็นส่วนที่เราจะตอบคำถามที่คนขายถามมา / ซึ่งคนขายถามมาว่า PayPal account ของเราคืออะไร ( ตรงที่มี ขีดเส้นใต้สีม่วง อยู่ในภาพข้างบนนี้ ) |
![]() ![]() |
(
ภาพบน ) เราก็พิมพ์ไปว่า PayPal
account ของเราคือ
tuvayanon@yahoo.com ตามที่พิมพ์ไว้ใน
วงรีสีเขียว ในภาพข้างบนนี้ |
![]() ![]() |
( ภาพบน ) จากนั้น ก็คลิ๊กไปที่ปุ่ม Send message ตรงที่ ลูกศรสีม่วง ชี้อยู่ในภาพข้างบนนี้ |
![]() ![]() |
(
ภาพบน ) แต่ปรากฏว่า
ทันทีที่เราคลิ๊กไปที่ปุ่ม Send message
ในภาพก่อนหน้านี้นั้น / มันก็ขึ้นข้อความ "สวนขึ้นมาทันที"
ตามที่ปรากฏอยู่ใน วงรีสีม่วง
ในภาพข้างบนนี้ ( ซึ่งข้อความนี้
มาจากระบบอัตโนมัติของอีเบย์ ) |
![]() ![]() |
(
ภาพบน ) โดยในข้อความที่ปรากฏขึ้นมานั้น
ทางอีเบย์บอกว่าเรากำลังพยายามแลกเปลี่ยนชื่ออีเมลล์กัน ดังนั้น
เมลล์ฉบับนี้จึงไม่สามารถส่งไปให้คนขายได้ เพราะอีเบย์ไม่อนุญาต (
ตามที่ปรากฏอยู่ตรงที่มี
ขีดเส้นใต้สีม่วง
ในภาพข้างบนนี้ ) |
![]() |
(
ภาพบน ) ก็ในเมื่อ PayPal account
ของ "ทุกคนบนโลก" มันตรงกับอีเมลล์ของคนๆนั้น แล้วจะให้ทำยังไง? (
คือไม่ว่าใครก็ตาม ที่สมัคร PayPal แล้วได้
account มา ไอ้เจ้า account ตัวนั้น
มันก็คือชื่ออีเมลล์ของคนที่สมัครนั่นเอง คือระเบียบของบริษัท PayPal
มันเป็นแบบนั้น แต่นี่ พอมาเจอระเบียบของอีเบย์
ที่ห้ามส่งชื่ออีเมลล์กัน แล้วเราจะส่ง PayPal account
ให้คนขายได้ยังไงล่ะ? ) ทีมงานมานั่งคิดว่า ทำไมระบบของอีเบย์ มันถึงรู้ว่าเรากำลังส่งอีเมลล์กัน ทั้งๆที่ก็ไม่มีคนของอีเบย์มานั่งเฝ้าเสียหน่อย? |
![]() |
(
ภาพบน ) ทีมงานคิดว่า
อาจเป็นไปได้ว่า "ระบบ" ของอีเบย์ ตรวจสอบเจอเครื่องหมาย @ ตรงที่
ลูกศรสีเขียว
ชี้อยู่ในภาพข้างบนนี้ และเจอเครื่องหมาย . ตรงที่
ลูกศรสีม่วง
ชี้อยู่ในภาพข้างบนนี้ก็ได้ มันก็เลยรู้ว่าเรากำลังส่งอีเมลล์กัน
ดังนั้น ทีมงานจึงทดลองเอาเครื่องหมายทั้งสองอันนี้ออก ( คือเอาเครื่องหมาย @ และเครื่องหมาย . ออก ) แล้วเปลี่ยนเป็นตัวอักษรอื่นใส่ลงไปแทน |
![]() ![]() |
(
ภาพบน ) ทีมงานทดลองเอาเครื่องหมาย
@ และเครื่องหมาย . ออก / โดยเปลี่ยนจาก
tuvayanon@yahoo.com ให้เป็น
tuvayanon at yahoo dot com ตามที่เห็นตรงที่ ลูกศรสีเขียว
ชี้อยู่ในภาพข้างบนนี้ |
![]() ![]() |
( ภาพบน ) จากนั้นก็คลิ๊กไปที่ปุ่ม Send message "อีกครั้ง" |
![]() ![]() |
(
ภาพบน ) ก็ปรากฏว่า
มันก็ขึ้นข้อความเดิม คือทางอีเบย์ไม่อนุญาตให้ส่งเมลล์ฉบับนี้ ด้วยเหตุผลที่ว่ามีการแอบส่งชื่ออีเมลล์กัน
( ตรงที่ ลูกศรสีม่วง ชี้อยู่ในภาพข้างบนนี้ ) |
![]() |
(
ภาพบน ) ทีมงานลองเปลี่ยนจากวิธีพิมพ์
มาเป็นการเขียนลงบนกระดาษ แล้วก็ถ่ายภาพ (
แบบที่เห็นในรูปข้างบนนี้ ) แล้วจะใช้วิธีแนบไฟลล์ภาพไปกับเมลล์
เผื่อมันจะรอดจากการตรวจสอบตัวอักษรโดย "ระบบ" ของอีเบย์ได้ |
![]() ![]() |
(
ภาพบน ) จากนั้น
ก็ลบข้อความเดิมออกทั้งหมด แล้วพิมพ์ข้อความใหม่ (
ตามที่ ลูกศรสีเขียว
ชี้อยู่ในภาพข้างบนนี้ ) บอกคนขายว่าให้ดูที่รูปที่เราจะ
"แนบ" ( ภาษาอังกฤษคือ attach ) ไป |
![]() ![]() |
(
ภาพบน ) จากนั้น ก็คลิ๊กไปที่ปุ่ม
Attach photos ตรงที่
ลูกศรสีเขียว ชี้อยู่ในภาพข้างบนนี้ |
![]() |
(
ภาพบน ) จากนั้น
ก็โหลดภาพไว้เพื่อเตรียมส่งไปให้คนขาย (
ตามที่ปรากฏอยู่ตรงที่ ลูกศรสีเขียว
ชี้อยู่ในภาพข้างบนนี้ ) |
![]() |
(
ภาพบน ) จากนั้น ก็คลิ๊กไปที่ปุ่ม
Send message ตรงที่
ลูกศรสีม่วง ชี้อยู่ในภาพข้างบนนี้ |
![]() ![]() ![]() |
(
ภาพบน ) ก็ปรากฏว่า
มันก็ขึ้นข้อความเดิม คือทางอีเบย์ไม่อนุญาตให้ส่งเมลล์ฉบับนี้อีก
( ตรงที่ ลูกศรสีม่วง ชี้อยู่ในภาพข้างบนนี้ ) |
![]() |
(
ภาพบน ) ลองเขียนใหม่
โดยเอาเครื่องหมาย @ และเครื่องหมาย . ออก / แล้วก็ถ่ายภาพ
แล้วก็แนบไฟลล์ภาพไปกับเมลล์ใหม่
ก็ปรากฏว่าระบบของอีเบย์มันก็ตรวจสอบได้อีก
และเมื่อระบบมันตรวจสอบได้ มันก็เลยไม่สามารถส่งเมลล์ได้อีก สรุปว่า... ( ดังข้อความในภาพข้างล่างนี้ ) |
![]() |
![]() |
![]() |
(
ภาพบน ) นอกจากอีเบย์ห้ามแลกเปลี่ยนชื่ออีเมลล์กันแล้ว
ที่ทีมงานบอกไว้ว่า ห้ามให้ "ชื่อเวบ" กันด้วยนั้น
คุณผู้อ่านบางคนก็ไม่เข้าใจว่า "ชื่อเวบ" นั้น หมายถึงอะไร? "ชื่อเวบ" ที่ว่านั้น ก็หมายถึงให้ชื่อเวบที่ขายสินค้ากัน ยกตัวอย่างเช่น พ่อค้าขายสินค้าที่อีเบย์คนหนึ่ง ใช้ชื่อที่อีเบย์ ( หรือเรียกว่าไอดี ) ว่า forzasports และพ่อค้าคนนี้ ก็มีเวบขายสินค้าของตัวเขาเองอีกต่างหาก อยู่ที่เวบ http://www.forzasports.com/ อีเบย์มองว่า เวลาที่มีคนมาดูสินค้าในอีเบย์ ซึ่งเป็นของพ่อค้าชื่อ forzasports นั้น ทางพ่อค้าที่ชื่อ forzasports นี้ อาจจะแอบบอกชื่อเวบ http://www.forzasports.com/ นี้ให้กับลูกค้า เพื่อไปแอบซื้อขายกันนอกอีเบย์ก็ได้ เพื่อหลีกเลี่ยงการต้องเสียค่าธรรมเนียมให้กับทางอีเบย์ ดังนั้น นอกจากจะห้ามส่งชื่ออีเมลล์กันแล้ว ทางบริษัทอีเบย์ ก็ยังห้ามส่งชื่อเวบกันอีกด้วย เหตุการณ์ข้างบนนี้ เป็นการพูดถึงเหตุการณ์ "ก่อนซื้อ" นะครับ คือว่าอีเบย์เขาป้องกันการแอบซื้อกันนอกอีเบย์ ด้วยการไม่ให้ส่งชื่ออีเมลล์ และไม่ให้ส่งชื่อเวบกัน แต่แม้ว่า "หลังซื้อ" แล้ว ทางอีเบย์ก็ยังป้องกันแบบเดิม คือไม่ให้ส่งชื่ออีเมลล์และชื่อเวบกันอยู่ดี เพราะอีเบย์กลัวว่า จะซื้อของผ่านอีเบย์แค่ชิ้นแรกชิ้นเดียว แล้วชิ้นต่อๆไป ( คือชิ้นที่ 2 ,ชิ้นที่ 3 ฯลฯ ) ก็จะแอบซื้อขายกันนอกอีเบย์อีก ปัญหาที่เกิดตามมาก็คือว่า ... ( ข้างล่างนี้ ) |
![]() ![]() |
(
ภาพบน ) ปัญหาที่เกิดขึ้น
ก็คือว่า บางที เราในฐานะลูกค้า ได้ซื้อสินค้าจากอีเบย์ไปแล้วมันมีปัญหา
เช่นเราซื้ออุปกรณ์ของเล่น ที่มันมีเสียงประกอบ แล้วปรากฏว่า "เสียง"
ของสินค้าที่เราซื้อมาจากเขาชิ้นนี้มีปัญหา การจะส่ง "เสียง" ของสินค้าที่มีปัญหาไปให้คนขายฟังนั้น มันไม่สามารถส่งเป็นภาพได้ อีกทั้ง ถ้าส่งเป็นภาพวีดีโอแบบเคลื่อนไหวแล้วประกอบเสียงลงไปด้วย ก็จะสื่อสารกับคนขายได้ดีกว่า ดังนั้น เราจึงไปขอใช้บริการกับเวบ photobucket.com ( แบบที่เห็นในภาพข้างบนนี้ ) ซึ่งเป็นเวบที่ให้บริการฟรี ในการ Upload ไฟลล์ต่างๆขึ้นไปเก็บไว้ได้ โดยเราโหลดไฟล์วีดีโอประกอบเสียง ขึ้นไปเก็บไว้ที่เวบ photobucket.com เพื่อจะส่งไฟลล์วีดีโอ ( ที่อยู่บนเวบ photobucket.com ) นี้ ไปให้คนขายดูว่า สินค้าที่ซื้อมาจากเขานั้น มีปัญหาอย่างไร แต่พอเราจะส่งลิงค์ของเวบ photobucket.com ( ที่เราโหลดไฟลล์วีดีโอประกอบเสียง ไปปเก็บไว้ ) นี้ไปให้คนขายดู ก็ปรากฏว่าทาง "ระบบ" ของอีเบย์ มันตีความว่า เรากำลังแอบส่ง "ชื่อเวบ" กันอีก และสุดท้าย ก็จบลงเหมือนการส่งชื่อ PayPal address นั่นแหละ คือทั้งๆที่เราบริสุทธิ์ใจ ไม่ได้มีการแอบซื้อขายกันนอกอีเบย์แต่อย่างใด และเราก็ "ซื้อของแล้ว" โดยซื้อผ่านอีเบย์แล้วแท้ๆ เพียงแต่บังเอิญว่าสินค้านั้นมันมีปัญหา และเราเพียงแค่จะส่งวีดีโอให้คนขายดูว่าสินค้าที่ซื้อมาจากเขานั้น มันมีปัญหาอย่างไร ก็ปรากฏว่า "ระบบ" ของอีเบย์ มันกันไม่ให้เราส่งวีดีโอให้คนขายดูเสียอย่างนั้น เพราะมันตีความว่า เรากำลังแอบส่ง "ชื่อเวบ" กัน คือมันก็เป็น "ชื่อเวบ" จริงๆนั่นแหละ แต่มันไม่ใช่เวบที่ขายของ มันเป็นเพียงเวบของ photobucket.com ที่เราจะสื่อสารกับคนขายถึงปัญหาจากสินค้าที่เราซื้อจากเขา ก็เท่านั้นเอง สาเหตุทั้งหมดนี้ก็เพราะ การตรวจสอบ ชื่ออีเมลล์ หรือชื่อเวบนั้น มันใช้ "ระบบตรวจสอบ" แทนที่จะใช้ "คนของอีเบย์มาตรวจสอบ" และในเมื่อระบบของอีเบย์ ( ซึ่งก็คือระบบคอมพิวเตอร์ ) มัน ไม่มีวินิจฉัยใดๆทั้งสิ้น ฉลาดแต่เรื่องจับผิดอย่างเดียว ผลก็คือ เราไม่สามารถซื้อสินค้าจากคนขายได้ เพราะเราส่ง PayPal address ให้เขาไม่ได้ ( ทำให้อีเบย์เสียรายได้ เพราะเมื่อสินค้าขายไม่ได้ อีเบย์ก็ไม่ได้ค่าธรรมเนียมจากการขายสินค้าชิ้นนั้น ) / และบางครั้ง เมื่อเราซื้อสินค้าชิ้นอื่นๆได้แล้วแท้ๆ แต่บังเอิญว่าสินค้าที่ซื้อไปชิ้นนั้น ดันมีปัญหาเกี่ยวกับ "เสียง" เราก็ไม่สามารถสื่อสารกับคนขายได้ว่า "เสียง" นั้นมีปัญหาอย่างไร เพราะเราไม่สามารถส่งไฟลล์วีดีโอที่แนบไปกับเวบ photobucket.com ให้กับคนขายดูได้ ![]() |
- END - |