อย่าประมูลสินค้าแบบราคาเริ่มต้นต่ำ และค่าส่งฟรีอย่างเด็ดขาด


       ก่อนที่จะเริ่มเข้าสู่เนื้อเรื่อง / ทีมงาน Tuvagroup.com จะชี้ให้คุณผู้อ่านเห็นก่อนว่า เวลาที่คนขายจะวางของประมูลนั้น  เขาทำกันอย่างไร? ซึ่งวิธีที่คนขายทำ เขาจะทำกันสองแบบ ดังนี้คือ



 
การวางของประมูล แบบที่ 1

http://www.ebay.com/itm/Transformers-Dark-of-the-Moon-DA28-Leader-Class-Striker-Optimus-Prime-figure-/161905603224?hash=item25b2537298:g:EaMAAOSwT4lWSKwr

       หลักการของวิธีการวางของประมูลแบบที่ 1 ก็คือว่า " ถ้าตั้งราคาสินค้าเริ่มต้นประมูล ( Starting bid ) ในราคาสูงๆ  ก็สามารถคิดค่าส่งถูกๆได้ "



       สินค้าที่ประมูลในภาพข้างบนนี้ ก็ใช้หลักการนี้ครับ นั่นคือ

       ตรงที่มี วงรีสีเขียว ล้อมรอบอยู่ในภาพข้างบนนี้ จะเห็นได้ว่า คนขายคนนี้ตั้งราคาเริ่มต้นประมูลไว้สูงถึง 66 เหรียญ ( คือหมายความว่า คนที่ให้ราคาน้อยกว่า 66 เหรียญ ก็จะไม่สามารถลงประมูลได้ เพราะว่า คนขายตั้งราคาเริ่มต้นไว้ที่ 66 เหรียญ )


       ตรงที่มี ลูกศรสีน้ำเงิน ชี้อยู่ในภาพข้างบนนี้ จะเห็นได้ว่า ยังไม่มีใครลงประมูลเลย ( คือมันบอกไว้ว่าเป็น 0 bids ) / ซึ่งการที่ยังไม่มีใครลงประมูล  ราคามันก็ถูกตั้งไว้ที่ 66 เหรียญรอไว้แล้ว ( ตรงที่มี วงรีสีเขียว ล้อมรอบอยู่ในภาพข้างบนนี้ )


       ตรงที่มี ลูกศรสีม่วง ชี้อยู่ในภาพข้างบนนี้ บอกไว้ว่าเป็นการส่งฟรี ( คือ 0 เหรียญ )


       สมมติว่าสินค้าตัวนี้ "ราคาตลาด" ( หมายถึงค่าสินค้า + ค่าส่งมาประเทศไทย ของสินค้าตัวเดียวกันนี้ ที่พ่อค้าคนอื่นเขาขายกันอยู่ในอีเบย์ ) คือ 66 เหรียญ / ดังนั้น ถ้ามีการประมูลแล้วจบที่ 67 เหรียญ  อย่างน้อย พ่อค้าที่ขายของข้างบนนี้ ก็จะไม่ขาดทุน  เพราะราคาตลาดอยู่ที่ 66 เหรียญ ส่วนสินค้าของเขา จบประมูลที่ราคา 67 เหรียญ  แม้ว่าจะได้กำไรน้อย ( คือได้กำไรเหรียญเดียว ) แต่ก็ไม่ขาดทุน

       ข้างบนนี้ ก็คือการตั้งราคาประมูลที่เป็นปกติ คือตั้งราคาเริ่มต้นประมูลไว้สูงๆ ( คือให้เริ่มต้นที่ 66 เหรียญ ) แล้วก็คิดค่าส่งต่ำๆ ( คือคิดค่าส่ง 0 เหรียญ ) / ถ้าพลาดมา คือจบประมูลที่ราคาต่ำ ( เช่นจบที่ 67 เหรียญ ) อย่างน้อย คนขายก็ไม่ขาดทุน




 
การวางของประมูล แบบที่ 2

http://www.ebay.com/itm/Transformers-Hasbro-Heroes-of-Cybertron-Optimus-Prime-Action-Figure-NEW-/131669674770?hash=item1ea81fcb12:g:fuwAAOSwgyxWWG5a

       หลักการของวิธีการวางของประมูลแบบที่ 2 ก็คือว่า " ถ้าตั้งราคาเริ่มต้นประมูลในราคาต่ำๆ  ก็ให้คิดค่าส่งและภาษีสูงๆดักเอาไว้ " ( ซึ่งจะกลับกันกับแบบที่ 1 ,เพราะแบบที่ 1 ให้ตั้งราคาเริ่มต้นประมูลสูงๆ แล้วไม่คิดค่าส่ง และไม่คิดค่าภาษี )



       สินค้าที่ประมูลในภาพข้างบนนี้ ก็ใช้หลักการนี้ครับ นั่นคือ

       ตรงที่มี ลูกศรสีเขียว ชี้อยู่ในภาพข้างบนนี้ จะเห็นได้ว่า คนขายคนนี้ตั้งราคาเริ่มต้นประมูลไว้เพียง 5 เหรียญ


       ตรงที่มี วงรีสีม่วง ล้อมรอบอยู่ในภาพข้างบนนี้ จะเห็นได้ว่า คนขายตั้งราคาค่าส่งไว้สูงมาก ( สำหรับสินค้าชิ้นเล็กๆขนาดนี้ ค่าส่งควรจะเป็น 3 - 5 เหรียญเท่านั้น ) คือเขาตั้งค่าส่งไว้สูงถึง 34.63 เหรียญ มิหนำซ้ำ ยังตั้งค่าภาษีไว้อีกตั้ง 20.20 เหรียญ ( คุณผู้อ่านจะเห็นได้ว่า ในรายการแรก เขาไม่ได้ตั้งค่าภาษีไว้เลย  เพราะว่าค่าภาษีนั้น คนขายจะนำไปจ่ายให้สรรพากรจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้ บางคนก็เรียกเก็บภาษีที่ว่านี้เข้ากระเป๋าตัวเองเสียอย่างนั้น ( ไม่อย่างนั้น พ่อค้าที่ขายของคล้ายๆกัน ทุกๆคนก็ต้องเรียกเก็บภาษีเหมือนๆกันหมด จริงไหมครับ? แต่นี่ พ่อค้าบางคนก็เรียกเก็บ บางคนก็ไม่เรียกเก็บ / นั่นก็แปลว่า การเรียกเก็บภาษี มันก็ไม่ใช่กฏระเบียบที่เคร่งครัดอะไรเลย ขึ้นอยู่กับตัวพ่อค้าแต่ละคนมากกว่า ว่าจะเรียกเงินภาษีนั้นจากลูกค้าหรือไม่ / ถ้าเป็นทีมงานซื้อของเอง ทีมงานก็จะเลือกซื้อสินค้าตัวเดียวกัน จากพ่อค้าที่ไม่เรียกเก็บภาษีดีกว่า เพราะก็ได้ของตัวเดียวกันนั่นแหละ )


       สมมติว่าสินค้าตัวนี้ "ราคาตลาด" ( หมายถึงค่าสินค้า + ค่าส่งมาประเทศไทย + ภาษี ของสินค้าตัวเดียวกันนี้ ที่พ่อค้าคนอื่นเขาขายกันอยู่ในอีเบย์ ) คือ 60 เหรียญ

      
ดังนั้น ถ้าจบการประมูลที่ 6 เหรียญแล้วล่ะก็  คนทั่วไปอาจจะดีใจที่ว่า ราคาตลาดตั้ง 58 เหรียญ แต่ฉันชนะประมูลแค่ 6 เหรียญเอง เย้... เย้...

       แต่ความจริง คนขายเขาตั้งค่าส่ง และค่าภาษีแพงๆ "ดัก" คุณเอาไว้ก่อนที่จะให้คุณเริ่มลงประมูลแล้ว

       ถ้าไม่เชื่อก็ลองบวกดูนะครับ  คือ ราคาประมูลที่คุณชนะคือ 6 เหรียญก็จริง แต่พอบวกค่าส่ง 34.63 เหรียญ และบวกค่าภาษีอีก 20.20 เหรียญ รวมแล้วก็เท่ากับ 6 + 34.63 + 20.20 = 60.83 เหรียญ ( ในขณะที่ราคาตลาดก็คือ 60 เหรียญ )

       ถ้ามองในแง่คนที่ชนะประมูลแล้ว แม้ว่าครั้งแรก จะดูเหมือนว่าเขาชนะประมูลในราคา 6 เหรียญ ในขณะที่ราคาตลาดคือ 60 เหรียญ ดูเหมือนจะได้กำไรมหาศาล / แต่พอบวกค่าส่งกับค่าภาษีแล้ว คนชนะประมูลคนนี้ กลับต้องจ่ายถึง 60.83 เหรียญ คือดันแพงกว่าราคาท้องตลาด 0.83 เหรียญ

       อันนี้ ต้องยกความฉลาดให้กับวิธีการตั้งราคาของคนขาย  คือถึงแม้ว่าเขาจะตั้งราคาเริ่มประมูลไว้ต่ำๆ คือเริ่มแค่เพียง 5 เหรียญ  ( ในขณะที่ราคาเริ่มประมูลของรายการแรก จะตั้งไว้สูงๆ คือ 66 เหรียญ )
แต่คนขายคนนี้ ก็ตั้งราคาค่าส่งแบบแพงๆ และตั้งค่าภาษีแบบแพงๆ ดักรอไว้ล่วงหน้าแล้ว ( ในขณะที่ราคาค่าส่งของรายการแรก เป็น 0 เหรียญ และไม่คิดค่าภาษีอีกด้วย )

       คำว่า ตั้งราคา "ดักรอไว้ล่วงหน้าแล้ว" ก็หมายความว่า ทันทีที่มีคนชนะประมูลในราคาต่ำ คือชนะในราคาประมูล 6 เหรียญ  คนที่ชนะประมูลคนนี้ ก็ต้องรับภาระเรื่องค่าส่งแพงๆ และค่าภาษี ที่คนขายคนนี้ ตั้งราคา "ดักรอไว้ล่วงหน้าแล้ว" นั่นเอง / คือหมายความว่า ท้ายที่สุดแล้ว คนที่ชนะประมูลคนนี้ ก็ต้องจ่ายค่าสินค้า และค่าส่ง และค่าภาษีๆ รวมๆแล้วก็เท่ากับราคาตลาดนั่นเอง ( คือคนที่ชนะประมูล ต้องจ่าย 60.83 เหรียญ ในขณะที่ราคาตลาดคือ 60 เหรียญ ) ดังนั้น คนขายคนนี้จึงไม่ขาดทุน แม้ว่าจะมีคนชนะประมูลในราคาเพียง 6 เหรียญก็ตาม





       ( ภาพบน ) ลักษณะการตั้งราคาทั้งสองแบบข้างบนนี้ คือการตั้งราคา "ตามปกติ"  คือหมายความว่า คนขายจะตั้งราคากัน 2 แบบนี้เท่านั้น  โดยจุดประสงค์ของการตั้งราคาทั้งสองแบบนี้ ก็คือเพื่อให้ราคารวม ( หมายถึง ราคาสินค้าที่ชนะประมูล บวกกับค่าส่งมาประเทศไทยและค่าภาษี ) จะต้องพอๆกับราคาตลาด / พูดง่ายๆคือ คนขายจะต้องไม่ขาดทุน แม้ว่าจะจบประมูลที่ราคาต่ำสุดก็ตาม 





       ( ภาพบน ) อีเบย์เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี ค.ศ.1995 ( คือ 20 ปีมาแล้ว )  และอีเบย์มีชื่อเสียงโด่งดังในเรื่องการประมูลสินค้า / ซึ่งการตั้งราคาสำหรับประมูล ก็จะมีอยู่แค่สองแบบ ตามที่อธิบายมาก่อนหน้านี้แล้ว

       แต่แล้ว สินค้าในภาพข้างบนนี้ ก็ "ฉีกทุกกฏ" ของกฏการประมูลในรอบยี่สิบปีของอีเบย์เลย / เรามาดูกันว่าทำไมถึงต้องถูกเรียกว่า "ฉีกทุกกฏ" ของการประมูล




       ( ภาพบน ) นั่นก็คือว่า คนขายรายนี้ ตั้งราคาเริ่มต้นประมูลไว้ต่ำมาก คือให้เริ่มที่ 0.01 เหรียญ ( ตรงที่มี วงรีสีเขียว ล้อมรอบอยู่ในภาพข้างบนนี้

       แล้วแทนที่จะตั้งราคาค่าส่งไว้แบบแพงๆ และคิดค่าภาษีด้วย แบบที่ชาวบ้านเขาทำกัน ปรากฏว่า คนขายรายนี้ ยังตั้งราคาค่าส่งไว้ให้เป็นแบบ ส่งฟรี อีกด้วย ( ตรงที่มี วงรีสีม่วง ล้อมรอบอยู่ในภาพข้างบนนี้ )

       ลองคิดกันเล่นๆว่า อะไรจะเกิดขึ้น ถ้าจบประมูลที่ 1 เหรียญ

       สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ คนขายคนนี้จะต้องขาดทุนแน่ๆ / แล้วถามว่าจะต้องขาดทุนเท่าไร?  คำตอบก็คือว่า ก่อนที่เราจะรู้ว่าจะต้องขาดทุนเท่าไร เราต้องรู้ "ราคาตลาด" ก่อนว่า สินค้าชิ้นนี้มีราคาตลาดเท่าใด? วิธีดูราคาตลาด ก็ให้ดูในตารางสีน้ำตาลอ่อน ข้างล่างนี้ครับ



 
วิธีดูราคาตลาด

 
Kaiyodo Special effects Revoltech 030 Optimus prime Transformers Action Figure

http://www.ebay.com/itm/Kaiyodo-Special-effects-Revoltech-030-Optimus-prime-Transformers-Action-Figure-/331576285810?hash=item4d337c9a72:g:CzAAAOSwstxVc9GB
 

       ในลิงค์ข้างบนนี้ คือสินค้าตัวเดียวกันกับตัวที่เราจะประมูล ( bid ) / เพียงแต่สินค้าในภาพข้างบนนี้ เป็นของ "พ่อค้าคนอื่น" / โดยพ่อค้าคนนี้ ใช้การขายแบบ Buy it Now ( ตรงที่ ลูกศรสีเขียว ชี้อยู่ในภาพข้างบนนี้ ) คือ มีเงินสดก็ซื้อได้เลย โดยที่ไม่ต้องเสียเวลาประมูล

       และไอ้คำว่า "มีเงินสดก็ซื้อได้เลย" นี่แหละ ทำให้เรารู้ "ราคาตลาด"

 

       ราคาตลาด ( หมายถึง ราคาที่ขายสินค้าชิ้นนี้ในท้องตลาด ) ก็คือการเอาราคาสินค้า กับราคาค่าส่งมาประเทศไทย มารวมกัน ( ถ้ามีภาษีด้วย ก็เอาภาษีมารวมด้วย แต่ในภาพสินค้าข้างบนนี้ ไม่มีภาษี ก็เลยไม่ต้องพูดถึงภาษี )

       ดังนั้น ราคาตลาด "ที่จะส่งมาไทย" ของสินค้าข้างบนนี้ ก็คือการเอายอดเงินที่อยู่ใน วงรีสีม่วงทั้งสองอัน ในภาพข้างบนนี้มารวมกัน ซึ่งก็คือ 59.09 เหรียญ ( ค่าสินค้า ) + 13 เหรียญ ( ค่าส่งสินค้ามาไทย ) = 72.09 เหรียญ

       สรุปว่าราคาตลาดของสินค้าตัวนี้ก็คือ 72.09 เหรียญ





       ( ภาพบน ) ย้อนกลับไปที่คำพูดก่อนหน้านี้ที่ว่า ถ้าการประมูลสินค้าในภาพข้างบนนี้ จบประมูลที่ 1 เหรียญจริงๆ คนขายจะขาดทุนเท่าไร? 

       คำตอบก็คือ คนขายจะขาดทุนไป 72.09 เหรียญ ( ราคาตลาด ) - 1 เหรียญ ( ราคาที่จบประมูล + ค่าส่งฟรี ) = 71.09 เหรียญ


       คนทั่วไป อาจคิดว่าคนขายคนนี้โง่ เพราะโอกาสที่จะจบประมูลด้วยราคาเพียง 1 เหรียญ มันก็มี ทำไมคนขายคนนี้ ถึงยอมเสี่ยงที่จะขาดทุนตั้ง 71.09 เหรียญล่ะ?

       แต่ความจริงแล้ว คนขายมันไม่ได้โง่อย่างที่คุณคิดหรอกครับ หนำซ้ำ มันยังฉลาดล้ำลึกใน "การโกง" อีกด้วย

       และบังเอิญว่าลูกค้าคนหนึ่งของทีมงาน ก็ดันตกเป็นเหยื่อของคนขายรายนี้ไปเสียแล้ว ซึ่งทีมงานจะได้ยกตัวอย่างเอามาให้ดูครับ ( ขอเน้นนะครับว่า ภาพและเมลล์ทุกอย่างที่คุณจะได้ดูนี้ เป็นของจริงทั้งหมด เลขธุรกรรม ,เมลล์แจ้งการชนะประมูล ,เลขฟ้องร้องอีเบย์ ฯลฯ ทั้งหมด ถ่ายมาจากของจริงทั้งสิ้นครับ ไม่มีการสมมติขึ้นมาแต่อย่างใด )



 

       ( ภาพบน ) ปรากฏว่ารายการนี้ ทีมงาน Tuvagroup.com ชนะประมูลในราคาแค่ 24.50 เหรียญ และค่าส่งก็ฟรีด้วย ( จำได้ใช่ไหมครับว่า ราคาตลาดคือ 72.09 เหรียญ แต่อันนี้ทีมงานดันชนะประมูลในราคาแค่ 24.50 เหรียญ ( และค่าส่งฟรีด้วย ) เรามาดูกันว่าคนขายจะแก้เกมส์ยังไง




 
http://www.ebay.com/itm/New-Kaiyodo-Revoltech-030-Transformers-Optimus-Prime-Action-Figure-/291583727988?nma=true&si=TqavnJRqqQB%252FIePVJc0FSEKc8Fc%253D&orig_cvip=true&rt=nc&_trksid=p2047675.l2557

       ( ภาพบน ) ข้างบนนี้คือรายละเอียดของหน้าเวบสินค้าที่ทีมงานชนะประมูลมาในราคา 24.50 เหรียญ ( ตรงที่ ลูกศรสีม่วง ชี้อยู่ในภาพข้างบนนี้ )

       ทีมงานเอามาให้ดู ก็เพื่อให้เห็นรายละเอียดต่างๆ ( และขอเน้นนะครับว่าเป็นภาพที่มาจากการชนะประมูลจริงๆ ไม่ใช่การสมมติขึ้นมา ) โดยเฉพาะ "ชื่อคนขาย" ( ที่ชื่อ 6192117 )  คราวหน้า จะได้ไม่ต้องไปซื้อกันมัน / แต่ตอนนี้ เรายังดูไม่ออกหรอกครับว่าคนขายมันจะโกงยังไง ต้องอ่านหน้าเวบนี้ไปเรื่อยๆก่อน



 
( ภาพบนเข้าสู่ขั้นตอนการชำระเงิน 




 

       ( ภาพบน ) ข้างบนนี้ คือเมลล์ที่เป็นหลักฐานยืนยันเรื่องการโอนเงินไปให้คนขายแล้ว  ซึ่งรายละเอียดก็คือ เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2558 ( ตรงที่มี ขีดเส้นใต้สีเขียว อยู่ในภาพข้างบนนี้ ) เราได้โอนเงิน ( Paid ) ไปให้คนขายเรียบร้อยแล้วเป็นเงิน 24.50 เหรียญ ( ตรงที่มี ขีดเส้นใต้สีม่วง อยู่ในภาพข้างบนนี้ )

       การที่มีเมลล์ยืนยันการจ่ายเงินของเรา ที่ส่งมาให้เราอ่านตามที่เห็นในรูปข้างบนนี้ จะต้องมีการ "ชำระเงินแล้ว" เท่านั้น ถึงจะมีเมลล์ฉบับนี้ขึ้นมา / คือ ถ้าเรายังไม่ชำระเงินให้คนขาย ก็จะไม่มีเมลล์ฉบับข้างบนนี้ส่งมาให้เรา



 
( ภาพบนจากนั้น 3 วัน ก็มีเมลล์ยืนยันมาว่าคนขายได้ส่งของแล้ว  


 

       ( ภาพบน ) จริงๆแล้ว ทีมงานอยากจะเอาไว้เฉลยตอนท้ายเลยว่า วิธีโกงของคนขายที่ชื่อ 6192117 คนนี้ ก็คือการที่ ไม่ได้ส่งของเลยตั้งแต่ต้น / แต่ทีมงานคิดว่าเฉลยตอนนี้เลยก็ดีเหมือนกัน เพื่อจะได้อธิบายให้เห็น "ช่องโหว่" ของระบบอีเบย์ ที่เปิดช่องให้คนขายคนนี้ "โกง" ได้ 

       แรงจูงใจในการโกง ก็คือ ราคาตลาด ( คือค่าสินค้า + ค่าส่งมาไทย ) มันคือ 72.09 เหรียญ แต่เราดันไปชนะประมูลที่ 24.50 เหรียญ  นั่นก็หมายความว่า ถ้าส่งสินค้ามาให้ลูกค้า ( คือเรา ) แล้วล่ะก็ คนขายก็จะขาดทุนไป 72.09 - 24.50 = 47.59 เหรียญ ดังนั้น มันก็ต้องไม่ยอมส่งของให้เราอยู่แล้ว / แต่ถ้าไม่ส่งของให้เราดื้อๆ มันก็อาจมีปัญหากับทางอีเบย์ได้  ดังนั้น มันวางแผนเอาไว้ล่วงหน้าก่อนแล้วล่ะครับ ( ทีมงาน ถึงบอกว่าคนขายมันไม่ได้โง่อย่างที่คุณคิดไงครับ ) มาดูกันว่าคนขายคนนี้มันวางแผนล่วงหน้าไว้อย่างไร?

       วิธีการก็คือคนขายจะใช้ "ช่องโหว่" ของระบบอีเบย์มา  โดยนำช่องโหว่ของระบบอีเบย์นั้น มา"ป้องกัน" ตัวมันเองในกรณีที่เกิดการจบประมูลในราคาที่ต่ำกว่าราคาตลาด ( เช่น ราคาตลาดคือ 72.09 เหรียญ แต่เราดันจบประมูลได้ในราคา 24.50 เหรียญ )

       วิธีป้องกันของมันก็คือ "การตั้งค่าส่งฟรี" นั่นแหละครับ ( อ่านไปก่อนครับ อย่าพึ่งงงตอนนี้ )

       ส่วนคำว่า "ช่องโหว่" ของระบบอีเบย์นั้น มันมีหลายอันที่คนขายมันนำมาใช้ครับ  เอาช่องโหว่อันแรกมาให้ดูก่อน


ช่องโหว่ อันดับแรกคือ เมลล์ยืนยันเรื่องการส่งของ แม้ไม่ได้ส่งของจริง แต่คนขายก็สามารถหลอกอีเบย์ว่ามีการส่งของ ( แล้วอีเบย์ก็จะหลงเชื่อ แล้วก็ส่งเมลล์ยืนยันมาให้ลูกค้าว่า คนขายได้ส่งของแล้ว ( แต่ความจริง คนขายไม่ได้ส่งของเลย )  )

       ยังจำเมลล์ยืนยันเรื่องการจ่ายเงิน ที่ทีมงานพูดถึงก่อนหน้านี้ได้ไหมครับ  ที่ทีมงานบอกว่า การที่อีเบย์จะส่งเมลล์ยืนยันว่ามีการจ่ายเงิน ( Paid ) เกิดขึ้นได้นั้น จะต้องมีการจ่ายเงินจริงๆก่อน  เราถึงจะได้เมลล์ยืนยันจากอีเบย์ว่ามีการจ่ายเงิน

       แต่พอมาพูดถึง เมลล์ยืนยันเรื่องการส่งของ กลับเป็นช่องโหว่ของระบบอีเบย์เสียอย่างนั้น 

       ช่องโหว่นั้นก็คือว่า แค่คนขายคนนี้ ( ที่ชื่อ 6192117 ) แจ้งไปทางอีเบย์ว่า ส่งของเรียบร้อยแล้ว ( ทั้งๆที่ยังไม่มีการส่ง ) เพียงเท่านี้ ทางอีเบย์ก็ออกเมลล์ยืนยันให้แล้ว ว่ามีการส่งของจากคนขายคนนี้แล้ว ( ที่ชื่อ 6192117 ) โดยที่อีเบย์ไม่ตรวจตราให้ดีเสียก่อนว่ามีการส่งของเกิดขึ้นจริงๆหรือไม่



 

       ( ภาพบน ) พ่อค้าคนอื่น เวลาเขาส่งสินค้าให้ลูกค้า เขาจะต้องมีเลข Tracking Number ใส่มาด้วย ตรงที่มี ขีดเส้นใต้สีม่วง อยู่ในภาพข้างบนนี้ / เพื่อเป็นหลักฐานยืนยันว่ามีการส่งของเกิดขึ้นแล้วจริงๆ



 

       ( ภาพบน ) แต่รายการข้างบนนี้ ไม่มี Tracking Number ให้อีเบย์ดู / แต่อีเบย์ก็ยังออกเมลล์ยืนยันเรื่องการส่งของให้เฉยเลย  

       นี่แหละคือช่องโหว่ของอีเบย์อันดับแรก

       คือ ถ้าเป็นเรื่องเงินล่ะก็  อีเบย์เขาตรวจละเอียดยิบเลย  จนมั่นใจแล้วล่ะว่ามีการโอนเงินให้คนขายแล้วจริงๆ ถึงจะออกเมลล์ยืนยันเรื่องการจ่ายเงิน ( Paid ) ให้

       ( เหตุผลก็เพราะว่าอีเบย์มีรายได้เข้าบริษัทอีเบย์ ด้วยการ "รอหักค่าธรรมเนียม" จากเงินที่ลูกค้าจ่ายเป็นค่าสินค้า /  ดังนั้น อีเบย์จึงต้องตรวจสอบเรื่องเงินอย่างละเอียด แล้วถึงจะออกเมลล์ยืนยันให้เป็นหลักฐานว่ามีการจ่ายเงินเกิดขึ้นแล้ว )

       แต่ พอเป็นเรื่องการส่งของ  ทั้งๆที่ไม่มี Tracking Number ในการยืนยันการส่งของ แต่อีเบย์ก็ดันออกเมลล์ยืนยันให้ว่ามีการส่งของแล้ว /  คือแค่คนขาย "แหกตาอีเบย์" ว่าได้ส่งของแล้ว ทั้งๆที่ไม่มีหลักฐานการส่งใดๆเลย เป็นการพูดปากเปล่า อีเบย์ก็เชื่อแล้ว และก็ออกเมลล์ยืนยันให้เลยว่า มีการส่งของแล้ว / ที่อีเบย์ไม่ตรวจละเอียดก็เพราะว่า เรื่องการส่งของ เป็นเรื่องของคนขายกับคนซื้อแล้ว อีเบย์ไม่ได้เงินตรงนั้นด้วย  อีเบย์ก็เลยทำตัวเฉื่อยๆ



 


 

       ( ภาพบน ) หลักการสากลก็คือ การส่งฟรี ย่อมไม่มีเลข Tracking Number ให้

       และไอ้เจ้าคนขายขี้โกงคนนี้ มันก็ดึงเอาหลักการนี้มาใช้

       คือหมายความว่า หากมีการชนะประมูลในราคาที่ต่ำกว่าราคาตลาด ( เช่นที่เราดันชนะประมูลในราคาแค่ 24.50 เหรียญ ทั้งๆที่ราคาตลาดมัน 72.09 เหรียญ ) คนขายคนนี้ ก็จะอ้างหลักการที่ว่า "ไม่มีเลข Tracking Number ให้เพราะเป็นการส่งฟรี"

       จากนั้น คนขายก็จะ "ไม่ส่งของเอาดื้อๆ"  เพราะว่าไม่มีใครตรวจสอบได้นี่นา ว่าจะมีการส่งของจริงหรือไม่ เพราะไม่สามารถเช็คเลข Tracking Number ได้ ( เพราะคนขายอ้างว่าเป็นการส่งฟรี ก็เลยไม่มีเลข Tracking Number ให้เช็คได้ )




( ภาพบนเมลล์จากลูกค้าที่ประมูลชนะในรายการนี้  

       ( ภาพบน ) หลังจากโอนเงินไปให้คนขายเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2558 แล้ว  เวลาก็ผ่านไปเกือบ 1 เดือน ซึ่งก็คือวันที่ 10 พฤศจิกายน 2558 คุณลูกค้าก็เมลล์มาแจ้งทีมงาน Tuvagroup.com ว่ายังไม่ได้รับสินค้า

       ทีมงาน Tuvagroup.com ก็เลยแจ้งให้ทางอีเบย์ทราบ




       ( ภาพบน ) ขอให้คุณผู้อ่านดูเมลล์ข้างบนนี้ให้ดีๆนะครับ แล้วเดี๋ยวคุณผู้อ่านจะ "แปลกใจ"

       เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2558 เวลา ตี 2 กับอีก 19 นาที ( ตรงที่มี ขีดเส้นใต้สีม่วง อยู่ในภาพข้างบนนี้ ) ทางบริษัทอีเบย์พึ่งจะติดต่อกับคนขายได้ จึงเมลล์มาหาทีมงาน ดังที่เห็นในภาพเมลล์ฉบับข้างบนนี้ เพื่อบอกว่าตอนนี้ ติดต่อกับคนขายได้แล้ว


       เนื้อความในเมลล์ของอีเบย์ ก็บอกว่าให้ทีมงานเมลล์คุยกับคนขายเลย แล้วเดี๋ยวทางอีเบย์จะตัดสินให้ว่าใครถูกใครผิด ( ตรงที่มี ขีดเส้นใต้สีเขียว อยู่ในภาพข้างบนนี้ )


       ปัญหาก็คือ เมลล์ฉบับข้างบนนี้ส่งมาตอนตี 2 ซึ่งทีมงานหลับไปแล้ว  ยังไม่ทันที่จะได้อ่านเมลล์ฉบับนี้เลย / และแล้วเหตุการณ์ก็เป็นอย่างนี้ .. ( ดูข้างล่างครับ )..





       ( ภาพบน ) และสิ่งที่ทำให้ต้องแปลกใจก็คือว่า...

       เมื่อเวลาตี 3 กับอีก 44 นาทีของวันเดียวกัน ( ตรงที่มี ขีดเส้นใต้สีม่วง อยู่ในภาพข้างบนนี้ ) ซึ่งก็คือ ในเวลาแค่ 1 ชั่วโมงกับอีก 25 นาที หลังจากที่ทางอีเบย์ติดต่อกับคนขายได้ 


       คนขายก็คืนเงินยอดเต็มมาให้เรา 24.50 เหรียญเลย โดยที่เรายังไม่ได้เมลล์คุยอะไรกันเลย ( เพราะทีมงานยังนอนหลับอยู่ )


       ซึ่งตามปกติ อีเบย์เขาจะให้เวลาคุยกันอีกตั้ง 7 วัน เพื่อให้ทางคนขายได้แสดงหลักฐานการส่งของให้คนซื้อ ( คือเรา ) ดู / แต่นี่ คนขาย ทำเป็นว่ารับผิด แล้วรีบคืนเงินทั้งหมดให้กับเราเลย 




       ( ภาพบน ) มันแสดงให้เห็นพิรุธชัดเจน / พิรุธอย่างไร? / พิรุธก็คือว่า สมมติว่าคุณผู้อ่านเป็นคนขาย และคุณผู้อ่าน "สุจริตใจ" จริงๆล่ะก็  สิ่งที่ "ควรจะเป็น" จะต้องเป็นดังนี้

       สินค้าราคาตลาดคือ 72.09 เหรียญ  แต่คนที่ชนะประมูล ดันชนะไปแค่ 24.50 เหรียญ แค่นี้ เรา ( ในฐานะคนขายที่สุจริตใจ ) ก็ขาดทุนไปแล้ว 72.09 - 24.50 = 47.59 เหรียญ


       แล้วพอส่งของไปให้คนที่ชนะประมูล ( ทั้งๆที่ขาดทุน 47.59 เหรียญ )  "แค่" คนที่ชนะประมูลพูดว่า ยังไม่ได้รับของ  แค่คำพูดแค่นี้ คุณ ( ในฐานะคนขายที่สุจริตใจ ) จะยอมโอนเงินคืนไปอีก 24.50 เหรียญเลยหรือ? มันแปลกไหม? มันมีพิรุธไหม? ก็ต้องคุยกันก่อนสิว่า ผมส่งของให้คุณแล้ว เมื่อวันนั้น เมื่อวันนี้ ฯลฯ แต่นี่ รีบโอนเงินคืนให้เลย 24.50 เหรียญ ภายในเวลาแค่ 1 ชั่วโมงกับอีก 25 นาทีหลังจากทราบเรื่อง

       มันก็จะกลายเป็นว่าคุณขาดทุนไป 47.59 เหรียญ ( ที่ขาดทุนตอนแรก ) + 24.50 เหรียญ ( ที่คืนเงิน ) =
72.09 เหรียญ

       คนอะไร มันจะเต็มใจที่จะขาดทุน 72.90 เหรียญขนาดนั้น  คือรีบกุลีกุจอคืนเงินให้ทันทีเลย โดยไม่เถียงเราสักคำ ( คือไม่เถียงเราเลยว่า ไปตรวจที่ที่ทำการไปรษณีย์ดีหรือยัง? ของอาจจะมาถึงแล้วก็ได้ แต่วันที่พนักงานไปรษณีย์มาส่งของ พอดีไม่มีคนอยู่ ฯลฯ ก็เถียงไปสิ  แต่นี่ คนขายมันไม่เถียงเลย มันรีบคืนเงินเลย มีพิรุธชัดๆ )






       ( ภาพบน ) ปรากฏว่าอีเบย์ปิดเคสไปแล้ว คือถือว่า "จบ"  เขาไม่รับฟังข้อมูลอื่นแล้ว 



 

ช่องโหว่ อันดับที่สองในระบบของอีเบย์ก็คือ เมื่อคนขายยอมรับผิด และยอมคืนเงินให้คนซื้อแล้ว ทางอีเบย์ก็จะปิดเคสเลย คือไม่รับพิจารณาเรื่องอื่นเพิ่มเติมแล้ว ( คือไม่รับฟังเราเลยว่า การคืนเงินนั้นมีพิรุธ เพราะคืนเร็วเกินไป ฯลฯ )

       ไอ้คนขายขี้โกงคนนี้ มันรู้ช่องโหว่ตรงนี้ดี มันถึงรีบคืนเงินเราเลย ไม่ทันให้เราได้อ่านเมลล์ด้วยซ้ำ คือรีบคืนเงินภายใน 1 ชั่วโมงกับอีก 25 นาทีหลังจากที่ได้รับแจ้งจากอีเบย์เลย

       ซึ่งตามปกติ ในเคสอื่นๆที่ทางทีมงาน Tuvagroup.com แจ้งไปทางอีเบย์ว่ายังไม่ได้รับของ   ทางทีมงานจะต้อง "เถียง" กับคนขาย ตั้ง 7 วัน 7 คืน กว่าคนขายจะยอมคืนเงินให้เรา 

       แต่นี่แค่ 1 ชั่วโมงกับอีก 25 นาที ไอ้คนขายมันก็รีบรับผิดโดยที่ยังไม่มีการคุยกันกับคนซื้อ ( คือเรา ) เลยด้วยซ้ำ และเป็นการรับผิดแบบมีพิรุธด้วย  คือรีบคืนเงินทันที / แล้วพอเราจะแจ้งให้ทางอีเบย์ทราบว่า การคืนเงินนี้มีพิรุธ เพราะคืนเร็วเกินไป ยังไม่ได้แสดงหลักฐานการส่งของเลย ฯลฯ  ก็ปรากฏว่าอีเบย์ปิดเคสไปแล้ว ( เพราะอีเบย์ถือว่า คนขายรับผิดแล้ว และคืนเงินแล้ว ดังนั้น ทุกอย่างก็ถือว่าจบ )


สรุปว่า คนขายคนนี้ มันโกงเรา  คือมันไม่ได้โกงเงินเรา เพราะมันคืนเงินเราครบเลย ( คือคืน 24.50 เหรียญ ) แต่คำว่า "โกง" ในที่นี้ก็คือ พอเราไปชนะประมูลในราคา "ต่ำกว่าราคาตลาด" มันก็โกงโดยการ "ไม่ส่งของให้เรา" นั่นเอง  แล้วก็คืนเงินเรากลับมา


       ทีมงานจะสรุปสั้นๆย่อๆให้ดูอีกครั้งว่าคนขายมันใช้วิธีอย่างไร?




       ( ภาพบน ) เริ่มต้น คนขายจะตั้งวิธีการประมูลให้แหวกแนว ไม่เหมือนกับการตั้งประมูลของพ่อค้าคนอื่น "เพื่อดึงดูดความสนใจ" ให้คนมาประมูลเยอะๆ

       วิธีตั้งการประมูลที่ไม่เหมือนใครก็คือ ตั้งราคาเริ่มต้นประมูลไว้ต่ำๆ และก็ยังคิดค่าส่งเป็นแบบ "ส่งฟรี" อีกด้วย



 

       ( ภาพบน ) พอลูกค้าชนะประมูลในราคาแค่ 24.50 เหรียญ  คนขายมันก็ไม่ยอมส่งสินค้าให้ ( เพราะมันขาดทุน



 

       ( ภาพบน ) แต่ถ้าจะไม่ส่งของดื้อๆ มันก็อาจจะโดนเพ่งเล็งจากอีเบย์ได้  ดังนั้น มันจึง "ตบตา" อีเบย์ ด้วยการแจ้งไปทางอีเบย์ว่าได้ส่งของให้ลูกค้าเรียบร้อยแล้ว / แล้วทางอีเบย์ ก็ Forward เมลล์นั้น มาให้เราอ่าน ดังนั้นเรา ( ในฐานะลูกค้า ) ก็เลยคิดว่าคนขายมันส่งของแล้วจริงๆ

       แล้วพอเราสังเกตุเห็นว่าไม่มีเลข Tracking Number เพื่อยืนยันว่ามีการส่งจริงๆ ( ตรงที่มี วงรีสีม่วง ล้อมรอบอยู่ในภาพข้างบนนี้ )  / ทางคนขายก็จะบอกว่า...



 

       ( ภาพบน ) คนขายก็จะบอกว่า

       คนขายบอกไว้ตั้งแต่ "ก่อนประมูล" แล้วว่า การส่งสินค้าครั้งนี้จะเป็นการส่งฟรี ( ตรงที่ ลูกศรสีม่วง ชี้อยู่ในภาพข้างบนนี้


       ดังนั้น การที่เราเข้าไปประมูล ก็ต้องแปลว่าเรายอมรับเรื่องการส่งฟรีนี้แล้ว / เพราะถ้าไม่ยอมรับ เราก็จะต้องไม่เข้าประมูล / แต่ในเมื่อเราเข้าประมูล ก็แปลว่าเรายอมรับเรื่องการส่งฟรีนี้


       พอเราชนะประมูล คนขายก็เลยส่งฟรีให้เรา ( ซึ่งความจริงมันไม่ได้ส่ง )


       และเพราะว่าเป็นการส่งฟรี มันก็เลยไม่มีเลข Tracking Number


       เมื่อไม่มี เลข Tracking Number ( เพราะเป็นการส่งฟรี ) คนขายก็เลยไม่สามารถให้เลข Tracking Number กับเราได้
 

* * * พูดง่ายๆคือ คนขายมันวางแผนเอาไว้อย่างนี้ตั้งแต่แรกแล้ว ว่าถ้าราคาประมูลจบในราคาที่ต่ำกว่าท้องตลาด มันก็จะไม่ส่งของให้  แล้วก็จะไปหลอกทางอีเบย์ว่าส่งของแล้ว / ส่วนการที่ไม่มีเลข Tracking Number มันก็จะอ้างว่า เพราะเป็นการส่งฟรี ก็เลยไม่มีเลข Tracking Number ให้ / ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เป็นแผนของคนขาย ที่วางแผนไว้แต่แรกแล้ว * * *




       ( ภาพบน ) คนขายมันรู้แต่แรกแล้วว่า พอครบ 1 เดือนแล้วลูกค้ายังไม่ได้รับสินค้า  ลูกค้าก็ต้องฟ้องมาทางบริษัทอีเบย์แน่  มันก็เลยรอไปเรื่อยๆจนครบ 1 เดือน เพื่อรอให้เราฟ้องอีเบย์ 





       ( ภาพบน ) แล้วพอเราฟ้องไปทางอีเบย์แล้ว ( ตามแผนของมัน ) / คนขายคนนี้ก็รีบคืนเงินให้เราทันที โดยไม่เถียงเราสักคำ





       ( ภาพบน ) แล้วพอทีมงาน Tuvagroup.com จะฟ้องอีเบย์ให้ทราบถึงพิรุธของคนขายรายนี้ ( ว่าคืนเงินเร็วเกินไป อาจจะมีการโกงเกิดขึ้นคือ .... )  ยังไม่ทันที่จะอธิบายเลย  ทางอีเบย์ก็ปิดเคสไปแล้ว ( ตรงที่มี ขีดเส้นใต้สีม่วง อยู่ในภาพข้างบนนี้ )



 

       ( ภาพบน ) การโกงของคนขายรายนี้ ก็จะเป็นอย่างที่พูดมาทั้งหมดข้างบนนี้แหละครับ


       และข้างล่างนี้ ก็คือคำเตือนสุดท้าย ก่อนที่เราจะจบเนื้อหาในเวบหน้านี้ครับผม



 

ของแถม - มันมีการส่งฟรีแบบที่มีเลข Tracking Number ด้วย คุณต้องระวังให้ดี  ให้อ่านเพิ่มเติมที่ลิงค์นี้ครับ  http://www.tuvagroup.com/3Hpatic-001001U-581019-2310.html



- END -