อย่าประมูลสินค้าแบบราคาเริ่มต้นต่ำ และค่าส่งฟรีอย่างเด็ดขาด |
ก่อนที่จะเริ่มเข้าสู่เนื้อเรื่อง / ทีมงาน Tuvagroup.com
จะชี้ให้คุณผู้อ่านเห็นก่อนว่า เวลาที่คนขายจะวางของประมูลนั้น เขาทำกันอย่างไร? ซึ่งวิธีที่คนขายทำ เขาจะทำกันสองแบบ ดังนี้คือ |
การวางของประมูล แบบที่ 1
หลักการของวิธีการวางของประมูลแบบที่ 1 ก็คือว่า " ถ้าตั้งราคาสินค้าเริ่มต้นประมูล ( Starting bid ) ในราคาสูงๆ ก็สามารถคิดค่าส่งถูกๆได้ "
สินค้าที่ประมูลในภาพข้างบนนี้ ก็ใช้หลักการนี้ครับ นั่นคือ ![]() ![]() ![]() สมมติว่าสินค้าตัวนี้ "ราคาตลาด" ( หมายถึงค่าสินค้า + ค่าส่งมาประเทศไทย ของสินค้าตัวเดียวกันนี้ ที่พ่อค้าคนอื่นเขาขายกันอยู่ในอีเบย์ ) คือ 66 เหรียญ / ดังนั้น ถ้ามีการประมูลแล้วจบที่ 67 เหรียญ อย่างน้อย พ่อค้าที่ขายของข้างบนนี้ ก็จะไม่ขาดทุน เพราะราคาตลาดอยู่ที่ 66 เหรียญ ส่วนสินค้าของเขา จบประมูลที่ราคา 67 เหรียญ แม้ว่าจะได้กำไรน้อย ( คือได้กำไรเหรียญเดียว ) แต่ก็ไม่ขาดทุน ข้างบนนี้ ก็คือการตั้งราคาประมูลที่เป็นปกติ คือตั้งราคาเริ่มต้นประมูลไว้สูงๆ ( คือให้เริ่มต้นที่ 66 เหรียญ ) แล้วก็คิดค่าส่งต่ำๆ ( คือคิดค่าส่ง 0 เหรียญ ) / ถ้าพลาดมา คือจบประมูลที่ราคาต่ำ ( เช่นจบที่ 67 เหรียญ ) อย่างน้อย คนขายก็ไม่ขาดทุน |
การวางของประมูล แบบที่ 2
หลักการของวิธีการวางของประมูลแบบที่ 2 ก็คือว่า " ถ้าตั้งราคาเริ่มต้นประมูลในราคาต่ำๆ ก็ให้คิดค่าส่งและภาษีสูงๆดักเอาไว้ " ( ซึ่งจะกลับกันกับแบบที่ 1 ,เพราะแบบที่ 1 ให้ตั้งราคาเริ่มต้นประมูลสูงๆ แล้วไม่คิดค่าส่ง และไม่คิดค่าภาษี )
สินค้าที่ประมูลในภาพข้างบนนี้ ก็ใช้หลักการนี้ครับ นั่นคือ ![]() ![]() สมมติว่าสินค้าตัวนี้ "ราคาตลาด" ( หมายถึงค่าสินค้า + ค่าส่งมาประเทศไทย + ภาษี ของสินค้าตัวเดียวกันนี้ ที่พ่อค้าคนอื่นเขาขายกันอยู่ในอีเบย์ ) คือ 60 เหรียญ ดังนั้น ถ้าจบการประมูลที่ 6 เหรียญแล้วล่ะก็ คนทั่วไปอาจจะดีใจที่ว่า ราคาตลาดตั้ง 58 เหรียญ แต่ฉันชนะประมูลแค่ 6 เหรียญเอง เย้... เย้... แต่ความจริง คนขายเขาตั้งค่าส่ง และค่าภาษีแพงๆ "ดัก" คุณเอาไว้ก่อนที่จะให้คุณเริ่มลงประมูลแล้ว ถ้าไม่เชื่อก็ลองบวกดูนะครับ คือ ราคาประมูลที่คุณชนะคือ 6 เหรียญก็จริง แต่พอบวกค่าส่ง 34.63 เหรียญ และบวกค่าภาษีอีก 20.20 เหรียญ รวมแล้วก็เท่ากับ 6 + 34.63 + 20.20 = 60.83 เหรียญ ( ในขณะที่ราคาตลาดก็คือ 60 เหรียญ ) ถ้ามองในแง่คนที่ชนะประมูลแล้ว แม้ว่าครั้งแรก จะดูเหมือนว่าเขาชนะประมูลในราคา 6 เหรียญ ในขณะที่ราคาตลาดคือ 60 เหรียญ ดูเหมือนจะได้กำไรมหาศาล / แต่พอบวกค่าส่งกับค่าภาษีแล้ว คนชนะประมูลคนนี้ กลับต้องจ่ายถึง 60.83 เหรียญ คือดันแพงกว่าราคาท้องตลาด 0.83 เหรียญ อันนี้ ต้องยกความฉลาดให้กับวิธีการตั้งราคาของคนขาย คือถึงแม้ว่าเขาจะตั้งราคาเริ่มประมูลไว้ต่ำๆ คือเริ่มแค่เพียง 5 เหรียญ ( ในขณะที่ราคาเริ่มประมูลของรายการแรก จะตั้งไว้สูงๆ คือ 66 เหรียญ ) แต่คนขายคนนี้ ก็ตั้งราคาค่าส่งแบบแพงๆ และตั้งค่าภาษีแบบแพงๆ ดักรอไว้ล่วงหน้าแล้ว ( ในขณะที่ราคาค่าส่งของรายการแรก เป็น 0 เหรียญ และไม่คิดค่าภาษีอีกด้วย ) คำว่า ตั้งราคา "ดักรอไว้ล่วงหน้าแล้ว" ก็หมายความว่า ทันทีที่มีคนชนะประมูลในราคาต่ำ คือชนะในราคาประมูล 6 เหรียญ คนที่ชนะประมูลคนนี้ ก็ต้องรับภาระเรื่องค่าส่งแพงๆ และค่าภาษี ที่คนขายคนนี้ ตั้งราคา "ดักรอไว้ล่วงหน้าแล้ว" นั่นเอง / คือหมายความว่า ท้ายที่สุดแล้ว คนที่ชนะประมูลคนนี้ ก็ต้องจ่ายค่าสินค้า และค่าส่ง และค่าภาษีๆ รวมๆแล้วก็เท่ากับราคาตลาดนั่นเอง ( คือคนที่ชนะประมูล ต้องจ่าย 60.83 เหรียญ ในขณะที่ราคาตลาดคือ 60 เหรียญ ) ดังนั้น คนขายคนนี้จึงไม่ขาดทุน แม้ว่าจะมีคนชนะประมูลในราคาเพียง 6 เหรียญก็ตาม |
![]() |
(
ภาพบน ) ลักษณะการตั้งราคาทั้งสองแบบข้างบนนี้
คือการตั้งราคา "ตามปกติ" คือหมายความว่า คนขายจะตั้งราคากัน 2
แบบนี้เท่านั้น โดยจุดประสงค์ของการตั้งราคาทั้งสองแบบนี้
ก็คือเพื่อให้ราคารวม ( หมายถึง
ราคาสินค้าที่ชนะประมูล บวกกับค่าส่งมาประเทศไทยและค่าภาษี )
จะต้องพอๆกับราคาตลาด / พูดง่ายๆคือ คนขายจะต้องไม่ขาดทุน
แม้ว่าจะจบประมูลที่ราคาต่ำสุดก็ตาม |
![]() |
![]() |
(
ภาพบน ) อีเบย์เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี
ค.ศ.1995 ( คือ 20 ปีมาแล้ว )
และอีเบย์มีชื่อเสียงโด่งดังในเรื่องการประมูลสินค้า /
ซึ่งการตั้งราคาสำหรับประมูล ก็จะมีอยู่แค่สองแบบ
ตามที่อธิบายมาก่อนหน้านี้แล้ว แต่แล้ว สินค้าในภาพข้างบนนี้ ก็ "ฉีกทุกกฏ" ของกฏการประมูลในรอบยี่สิบปีของอีเบย์เลย / เรามาดูกันว่าทำไมถึงต้องถูกเรียกว่า "ฉีกทุกกฏ" ของการประมูล |
![]() |
(
ภาพบน ) นั่นก็คือว่า คนขายรายนี้
ตั้งราคาเริ่มต้นประมูลไว้ต่ำมาก คือให้เริ่มที่ 0.01 เหรียญ
( ตรงที่มี วงรีสีเขียว
ล้อมรอบอยู่ในภาพข้างบนนี้
) แล้วแทนที่จะตั้งราคาค่าส่งไว้แบบแพงๆ และคิดค่าภาษีด้วย แบบที่ชาวบ้านเขาทำกัน ปรากฏว่า คนขายรายนี้ ยังตั้งราคาค่าส่งไว้ให้เป็นแบบ ส่งฟรี อีกด้วย ( ตรงที่มี วงรีสีม่วง ล้อมรอบอยู่ในภาพข้างบนนี้ ) ลองคิดกันเล่นๆว่า อะไรจะเกิดขึ้น ถ้าจบประมูลที่ 1 เหรียญ สิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ คนขายคนนี้จะต้องขาดทุนแน่ๆ / แล้วถามว่าจะต้องขาดทุนเท่าไร? คำตอบก็คือว่า ก่อนที่เราจะรู้ว่าจะต้องขาดทุนเท่าไร เราต้องรู้ "ราคาตลาด" ก่อนว่า สินค้าชิ้นนี้มีราคาตลาดเท่าใด? วิธีดูราคาตลาด ก็ให้ดูในตารางสีน้ำตาลอ่อน ข้างล่างนี้ครับ |
วิธีดูราคาตลาด
ในลิงค์ข้างบนนี้ คือสินค้าตัวเดียวกันกับตัวที่เราจะประมูล ( bid ) / เพียงแต่สินค้าในภาพข้างบนนี้ เป็นของ "พ่อค้าคนอื่น" / โดยพ่อค้าคนนี้ ใช้การขายแบบ Buy it Now ( ตรงที่ ลูกศรสีเขียว ชี้อยู่ในภาพข้างบนนี้ ) คือ มีเงินสดก็ซื้อได้เลย โดยที่ไม่ต้องเสียเวลาประมูล และไอ้คำว่า "มีเงินสดก็ซื้อได้เลย" นี่แหละ ทำให้เรารู้ "ราคาตลาด"
ราคาตลาด ( หมายถึง ราคาที่ขายสินค้าชิ้นนี้ในท้องตลาด ) ก็คือการเอาราคาสินค้า กับราคาค่าส่งมาประเทศไทย มารวมกัน ( ถ้ามีภาษีด้วย ก็เอาภาษีมารวมด้วย แต่ในภาพสินค้าข้างบนนี้ ไม่มีภาษี ก็เลยไม่ต้องพูดถึงภาษี ) ดังนั้น ราคาตลาด "ที่จะส่งมาไทย" ของสินค้าข้างบนนี้ ก็คือการเอายอดเงินที่อยู่ใน วงรีสีม่วงทั้งสองอัน ในภาพข้างบนนี้มารวมกัน ซึ่งก็คือ 59.09 เหรียญ ( ค่าสินค้า ) + 13 เหรียญ ( ค่าส่งสินค้ามาไทย ) = 72.09 เหรียญ สรุปว่าราคาตลาดของสินค้าตัวนี้ก็คือ 72.09 เหรียญ |
![]() |
(
ภาพบน ) ย้อนกลับไปที่คำพูดก่อนหน้านี้ที่ว่า
ถ้าการประมูลสินค้าในภาพข้างบนนี้
จบประมูลที่ 1 เหรียญจริงๆ คนขายจะขาดทุนเท่าไร?
คำตอบก็คือ คนขายจะขาดทุนไป 72.09 เหรียญ ( ราคาตลาด ) - 1 เหรียญ ( ราคาที่จบประมูล + ค่าส่งฟรี ) = 71.09 เหรียญ คนทั่วไป อาจคิดว่าคนขายคนนี้โง่ เพราะโอกาสที่จะจบประมูลด้วยราคาเพียง 1 เหรียญ มันก็มี ทำไมคนขายคนนี้ ถึงยอมเสี่ยงที่จะขาดทุนตั้ง 71.09 เหรียญล่ะ? แต่ความจริงแล้ว คนขายมันไม่ได้โง่อย่างที่คุณคิดหรอกครับ หนำซ้ำ มันยังฉลาดล้ำลึกใน "การโกง" อีกด้วย และบังเอิญว่าลูกค้าคนหนึ่งของทีมงาน ก็ดันตกเป็นเหยื่อของคนขายรายนี้ไปเสียแล้ว ซึ่งทีมงานจะได้ยกตัวอย่างเอามาให้ดูครับ ( ขอเน้นนะครับว่า ภาพและเมลล์ทุกอย่างที่คุณจะได้ดูนี้ เป็นของจริงทั้งหมด เลขธุรกรรม ,เมลล์แจ้งการชนะประมูล ,เลขฟ้องร้องอีเบย์ ฯลฯ ทั้งหมด ถ่ายมาจากของจริงทั้งสิ้นครับ ไม่มีการสมมติขึ้นมาแต่อย่างใด ) |
![]() |
(
ภาพบน ) ปรากฏว่ารายการนี้ ทีมงาน
Tuvagroup.com ชนะประมูลในราคาแค่ 24.50 เหรียญ และค่าส่งก็ฟรีด้วย (
จำได้ใช่ไหมครับว่า ราคาตลาดคือ 72.09
เหรียญ แต่อันนี้ทีมงานดันชนะประมูลในราคาแค่ 24.50
เหรียญ ( และค่าส่งฟรีด้วย ) เรามาดูกันว่าคนขายจะแก้เกมส์ยังไง
) |
![]() ![]() |
http://www.ebay.com/itm/New-Kaiyodo-Revoltech-030-Transformers-Optimus-Prime-Action-Figure-/291583727988?nma=true&si=TqavnJRqqQB%252FIePVJc0FSEKc8Fc%253D&orig_cvip=true&rt=nc&_trksid=p2047675.l2557 |
(
ภาพบน ) ข้างบนนี้คือรายละเอียดของหน้าเวบสินค้าที่ทีมงานชนะประมูลมาในราคา
24.50 เหรียญ ( ตรงที่
ลูกศรสีม่วง
ชี้อยู่ในภาพข้างบนนี้ ) ทีมงานเอามาให้ดู ก็เพื่อให้เห็นรายละเอียดต่างๆ ( และขอเน้นนะครับว่าเป็นภาพที่มาจากการชนะประมูลจริงๆ ไม่ใช่การสมมติขึ้นมา ) โดยเฉพาะ "ชื่อคนขาย" ( ที่ชื่อ 6192117 ) คราวหน้า จะได้ไม่ต้องไปซื้อกันมัน / แต่ตอนนี้ เรายังดูไม่ออกหรอกครับว่าคนขายมันจะโกงยังไง ต้องอ่านหน้าเวบนี้ไปเรื่อยๆก่อน |
![]() |
( ภาพบน ) เข้าสู่ขั้นตอนการชำระเงิน |
![]() ![]() |
(
ภาพบน ) ข้างบนนี้
คือเมลล์ที่เป็นหลักฐานยืนยันเรื่องการโอนเงินไปให้คนขายแล้ว
ซึ่งรายละเอียดก็คือ เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2558 (
ตรงที่มี ขีดเส้นใต้สีเขียว อยู่ในภาพข้างบนนี้
) เราได้โอนเงิน ( Paid )
ไปให้คนขายเรียบร้อยแล้วเป็นเงิน 24.50 เหรียญ (
ตรงที่มี ขีดเส้นใต้สีม่วง
อยู่ในภาพข้างบนนี้ )
การที่มีเมลล์ยืนยันการจ่ายเงินของเรา ที่ส่งมาให้เราอ่านตามที่เห็นในรูปข้างบนนี้ จะต้องมีการ "ชำระเงินแล้ว" เท่านั้น ถึงจะมีเมลล์ฉบับนี้ขึ้นมา / คือ ถ้าเรายังไม่ชำระเงินให้คนขาย ก็จะไม่มีเมลล์ฉบับข้างบนนี้ส่งมาให้เรา |
![]() |
( ภาพบน ) จากนั้น 3 วัน ก็มีเมลล์ยืนยันมาว่าคนขายได้ส่งของแล้ว |
![]() |
(
ภาพบน ) จริงๆแล้ว
ทีมงานอยากจะเอาไว้เฉลยตอนท้ายเลยว่า วิธีโกงของคนขายที่ชื่อ 6192117 คนนี้
ก็คือการที่ ไม่ได้ส่งของเลยตั้งแต่ต้น /
แต่ทีมงานคิดว่าเฉลยตอนนี้เลยก็ดีเหมือนกัน เพื่อจะได้อธิบายให้เห็น
"ช่องโหว่" ของระบบอีเบย์ ที่เปิดช่องให้คนขายคนนี้ "โกง"
ได้ แรงจูงใจในการโกง ก็คือ ราคาตลาด ( คือค่าสินค้า + ค่าส่งมาไทย ) มันคือ 72.09 เหรียญ แต่เราดันไปชนะประมูลที่ 24.50 เหรียญ นั่นก็หมายความว่า ถ้าส่งสินค้ามาให้ลูกค้า ( คือเรา ) แล้วล่ะก็ คนขายก็จะขาดทุนไป 72.09 - 24.50 = 47.59 เหรียญ ดังนั้น มันก็ต้องไม่ยอมส่งของให้เราอยู่แล้ว / แต่ถ้าไม่ส่งของให้เราดื้อๆ มันก็อาจมีปัญหากับทางอีเบย์ได้ ดังนั้น มันวางแผนเอาไว้ล่วงหน้าก่อนแล้วล่ะครับ ( ทีมงาน ถึงบอกว่าคนขายมันไม่ได้โง่อย่างที่คุณคิดไงครับ ) มาดูกันว่าคนขายคนนี้มันวางแผนล่วงหน้าไว้อย่างไร? วิธีการก็คือคนขายจะใช้ "ช่องโหว่" ของระบบอีเบย์มา โดยนำช่องโหว่ของระบบอีเบย์นั้น มา"ป้องกัน" ตัวมันเองในกรณีที่เกิดการจบประมูลในราคาที่ต่ำกว่าราคาตลาด ( เช่น ราคาตลาดคือ 72.09 เหรียญ แต่เราดันจบประมูลได้ในราคา 24.50 เหรียญ ) วิธีป้องกันของมันก็คือ "การตั้งค่าส่งฟรี" นั่นแหละครับ ( อ่านไปก่อนครับ อย่าพึ่งงงตอนนี้ ) ส่วนคำว่า "ช่องโหว่" ของระบบอีเบย์นั้น มันมีหลายอันที่คนขายมันนำมาใช้ครับ เอาช่องโหว่อันแรกมาให้ดูก่อน ช่องโหว่ อันดับแรกคือ เมลล์ยืนยันเรื่องการส่งของ แม้ไม่ได้ส่งของจริง แต่คนขายก็สามารถหลอกอีเบย์ว่ามีการส่งของ ( แล้วอีเบย์ก็จะหลงเชื่อ แล้วก็ส่งเมลล์ยืนยันมาให้ลูกค้าว่า คนขายได้ส่งของแล้ว ( แต่ความจริง คนขายไม่ได้ส่งของเลย ) ) ยังจำเมลล์ยืนยันเรื่องการจ่ายเงิน ที่ทีมงานพูดถึงก่อนหน้านี้ได้ไหมครับ ที่ทีมงานบอกว่า การที่อีเบย์จะส่งเมลล์ยืนยันว่ามีการจ่ายเงิน ( Paid ) เกิดขึ้นได้นั้น จะต้องมีการจ่ายเงินจริงๆก่อน เราถึงจะได้เมลล์ยืนยันจากอีเบย์ว่ามีการจ่ายเงิน แต่พอมาพูดถึง เมลล์ยืนยันเรื่องการส่งของ กลับเป็นช่องโหว่ของระบบอีเบย์เสียอย่างนั้น ช่องโหว่นั้นก็คือว่า แค่คนขายคนนี้ ( ที่ชื่อ 6192117 ) แจ้งไปทางอีเบย์ว่า ส่งของเรียบร้อยแล้ว ( ทั้งๆที่ยังไม่มีการส่ง ) เพียงเท่านี้ ทางอีเบย์ก็ออกเมลล์ยืนยันให้แล้ว ว่ามีการส่งของจากคนขายคนนี้แล้ว ( ที่ชื่อ 6192117 ) โดยที่อีเบย์ไม่ตรวจตราให้ดีเสียก่อนว่ามีการส่งของเกิดขึ้นจริงๆหรือไม่ |
![]() |
(
ภาพบน ) พ่อค้าคนอื่น
เวลาเขาส่งสินค้าให้ลูกค้า เขาจะต้องมีเลข Tracking Number ใส่มาด้วย
ตรงที่มี ขีดเส้นใต้สีม่วง อยู่ในภาพข้างบนนี้
/ เพื่อเป็นหลักฐานยืนยันว่ามีการส่งของเกิดขึ้นแล้วจริงๆ |
![]() |
(
ภาพบน ) แต่รายการข้างบนนี้ ไม่มี
Tracking Number ให้อีเบย์ดู /
แต่อีเบย์ก็ยังออกเมลล์ยืนยันเรื่องการส่งของให้เฉยเลย นี่แหละคือช่องโหว่ของอีเบย์อันดับแรก คือ ถ้าเป็นเรื่องเงินล่ะก็ อีเบย์เขาตรวจละเอียดยิบเลย จนมั่นใจแล้วล่ะว่ามีการโอนเงินให้คนขายแล้วจริงๆ ถึงจะออกเมลล์ยืนยันเรื่องการจ่ายเงิน ( Paid ) ให้ ( เหตุผลก็เพราะว่าอีเบย์มีรายได้เข้าบริษัทอีเบย์ ด้วยการ "รอหักค่าธรรมเนียม" จากเงินที่ลูกค้าจ่ายเป็นค่าสินค้า / ดังนั้น อีเบย์จึงต้องตรวจสอบเรื่องเงินอย่างละเอียด แล้วถึงจะออกเมลล์ยืนยันให้เป็นหลักฐานว่ามีการจ่ายเงินเกิดขึ้นแล้ว ) แต่ พอเป็นเรื่องการส่งของ ทั้งๆที่ไม่มี Tracking Number ในการยืนยันการส่งของ แต่อีเบย์ก็ดันออกเมลล์ยืนยันให้ว่ามีการส่งของแล้ว / คือแค่คนขาย "แหกตาอีเบย์" ว่าได้ส่งของแล้ว ทั้งๆที่ไม่มีหลักฐานการส่งใดๆเลย เป็นการพูดปากเปล่า อีเบย์ก็เชื่อแล้ว และก็ออกเมลล์ยืนยันให้เลยว่า มีการส่งของแล้ว / ที่อีเบย์ไม่ตรวจละเอียดก็เพราะว่า เรื่องการส่งของ เป็นเรื่องของคนขายกับคนซื้อแล้ว อีเบย์ไม่ได้เงินตรงนั้นด้วย อีเบย์ก็เลยทำตัวเฉื่อยๆ |
![]() |
![]() |
(
ภาพบน ) หลักการสากลก็คือ การส่งฟรี
ย่อมไม่มีเลข Tracking Number ให้ และไอ้เจ้าคนขายขี้โกงคนนี้ มันก็ดึงเอาหลักการนี้มาใช้ คือหมายความว่า หากมีการชนะประมูลในราคาที่ต่ำกว่าราคาตลาด ( เช่นที่เราดันชนะประมูลในราคาแค่ 24.50 เหรียญ ทั้งๆที่ราคาตลาดมัน 72.09 เหรียญ ) คนขายคนนี้ ก็จะอ้างหลักการที่ว่า "ไม่มีเลข Tracking Number ให้เพราะเป็นการส่งฟรี" จากนั้น คนขายก็จะ "ไม่ส่งของเอาดื้อๆ" เพราะว่าไม่มีใครตรวจสอบได้นี่นา ว่าจะมีการส่งของจริงหรือไม่ เพราะไม่สามารถเช็คเลข Tracking Number ได้ ( เพราะคนขายอ้างว่าเป็นการส่งฟรี ก็เลยไม่มีเลข Tracking Number ให้เช็คได้ ) |
![]() |
![]() |
( ภาพบน ) เมลล์จากลูกค้าที่ประมูลชนะในรายการนี้ |
(
ภาพบน ) หลังจากโอนเงินไปให้คนขายเมื่อวันที่
14 ตุลาคม 2558 แล้ว เวลาก็ผ่านไปเกือบ 1 เดือน ซึ่งก็คือวันที่ 10
พฤศจิกายน 2558 คุณลูกค้าก็เมลล์มาแจ้งทีมงาน Tuvagroup.com
ว่ายังไม่ได้รับสินค้า ทีมงาน Tuvagroup.com ก็เลยแจ้งให้ทางอีเบย์ทราบ |
![]() |
(
ภาพบน ) ขอให้คุณผู้อ่านดูเมลล์ข้างบนนี้ให้ดีๆนะครับ
แล้วเดี๋ยวคุณผู้อ่านจะ "แปลกใจ" ![]() ![]() ปัญหาก็คือ เมลล์ฉบับข้างบนนี้ส่งมาตอนตี 2 ซึ่งทีมงานหลับไปแล้ว ยังไม่ทันที่จะได้อ่านเมลล์ฉบับนี้เลย / และแล้วเหตุการณ์ก็เป็นอย่างนี้ .. ( ดูข้างล่างครับ ).. |
![]() ![]() |
(
ภาพบน ) และสิ่งที่ทำให้ต้องแปลกใจก็คือว่า...
![]() ![]() ซึ่งตามปกติ อีเบย์เขาจะให้เวลาคุยกันอีกตั้ง 7 วัน เพื่อให้ทางคนขายได้แสดงหลักฐานการส่งของให้คนซื้อ ( คือเรา ) ดู / แต่นี่ คนขาย ทำเป็นว่ารับผิด แล้วรีบคืนเงินทั้งหมดให้กับเราเลย |
![]() |
(
ภาพบน ) มันแสดงให้เห็นพิรุธชัดเจน
/ พิรุธอย่างไร? / พิรุธก็คือว่า สมมติว่าคุณผู้อ่านเป็นคนขาย
และคุณผู้อ่าน "สุจริตใจ" จริงๆล่ะก็ สิ่งที่ "ควรจะเป็น" จะต้องเป็นดังนี้ ![]() ![]() มันก็จะกลายเป็นว่าคุณขาดทุนไป 47.59 เหรียญ ( ที่ขาดทุนตอนแรก ) + 24.50 เหรียญ ( ที่คืนเงิน ) = 72.09 เหรียญ คนอะไร มันจะเต็มใจที่จะขาดทุน 72.90 เหรียญขนาดนั้น คือรีบกุลีกุจอคืนเงินให้ทันทีเลย โดยไม่เถียงเราสักคำ ( คือไม่เถียงเราเลยว่า ไปตรวจที่ที่ทำการไปรษณีย์ดีหรือยัง? ของอาจจะมาถึงแล้วก็ได้ แต่วันที่พนักงานไปรษณีย์มาส่งของ พอดีไม่มีคนอยู่ ฯลฯ ก็เถียงไปสิ แต่นี่ คนขายมันไม่เถียงเลย มันรีบคืนเงินเลย มีพิรุธชัดๆ ) |
![]() |
![]() ![]() |
(
ภาพบน ) ปรากฏว่าอีเบย์ปิดเคสไปแล้ว
คือถือว่า "จบ" เขาไม่รับฟังข้อมูลอื่นแล้ว |
![]() |
ช่องโหว่ อันดับที่สองในระบบของอีเบย์ก็คือ
เมื่อคนขายยอมรับผิด และยอมคืนเงินให้คนซื้อแล้ว ทางอีเบย์ก็จะปิดเคสเลย
คือไม่รับพิจารณาเรื่องอื่นเพิ่มเติมแล้ว
( คือไม่รับฟังเราเลยว่า การคืนเงินนั้นมีพิรุธ
เพราะคืนเร็วเกินไป ฯลฯ ) ไอ้คนขายขี้โกงคนนี้ มันรู้ช่องโหว่ตรงนี้ดี มันถึงรีบคืนเงินเราเลย ไม่ทันให้เราได้อ่านเมลล์ด้วยซ้ำ คือรีบคืนเงินภายใน 1 ชั่วโมงกับอีก 25 นาทีหลังจากที่ได้รับแจ้งจากอีเบย์เลย ซึ่งตามปกติ ในเคสอื่นๆที่ทางทีมงาน Tuvagroup.com แจ้งไปทางอีเบย์ว่ายังไม่ได้รับของ ทางทีมงานจะต้อง "เถียง" กับคนขาย ตั้ง 7 วัน 7 คืน กว่าคนขายจะยอมคืนเงินให้เรา แต่นี่แค่ 1 ชั่วโมงกับอีก 25 นาที ไอ้คนขายมันก็รีบรับผิดโดยที่ยังไม่มีการคุยกันกับคนซื้อ ( คือเรา ) เลยด้วยซ้ำ และเป็นการรับผิดแบบมีพิรุธด้วย คือรีบคืนเงินทันที / แล้วพอเราจะแจ้งให้ทางอีเบย์ทราบว่า การคืนเงินนี้มีพิรุธ เพราะคืนเร็วเกินไป ยังไม่ได้แสดงหลักฐานการส่งของเลย ฯลฯ ก็ปรากฏว่าอีเบย์ปิดเคสไปแล้ว ( เพราะอีเบย์ถือว่า คนขายรับผิดแล้ว และคืนเงินแล้ว ดังนั้น ทุกอย่างก็ถือว่าจบ ) สรุปว่า คนขายคนนี้ มันโกงเรา คือมันไม่ได้โกงเงินเรา เพราะมันคืนเงินเราครบเลย ( คือคืน 24.50 เหรียญ ) แต่คำว่า "โกง" ในที่นี้ก็คือ พอเราไปชนะประมูลในราคา "ต่ำกว่าราคาตลาด" มันก็โกงโดยการ "ไม่ส่งของให้เรา" นั่นเอง แล้วก็คืนเงินเรากลับมา ทีมงานจะสรุปสั้นๆย่อๆให้ดูอีกครั้งว่าคนขายมันใช้วิธีอย่างไร? |
![]() |
(
ภาพบน ) เริ่มต้น
คนขายจะตั้งวิธีการประมูลให้แหวกแนว ไม่เหมือนกับการตั้งประมูลของพ่อค้าคนอื่น "เพื่อดึงดูดความสนใจ"
ให้คนมาประมูลเยอะๆ วิธีตั้งการประมูลที่ไม่เหมือนใครก็คือ ตั้งราคาเริ่มต้นประมูลไว้ต่ำๆ และก็ยังคิดค่าส่งเป็นแบบ "ส่งฟรี" อีกด้วย |
![]() |
(
ภาพบน ) พอลูกค้าชนะประมูลในราคาแค่
24.50 เหรียญ คนขายมันก็ไม่ยอมส่งสินค้าให้ (
เพราะมันขาดทุน ) |
![]() |
(
ภาพบน ) แต่ถ้าจะไม่ส่งของดื้อๆ
มันก็อาจจะโดนเพ่งเล็งจากอีเบย์ได้ ดังนั้น มันจึง "ตบตา" อีเบย์
ด้วยการแจ้งไปทางอีเบย์ว่าได้ส่งของให้ลูกค้าเรียบร้อยแล้ว / แล้วทางอีเบย์
ก็ Forward เมลล์นั้น มาให้เราอ่าน ดังนั้นเรา (
ในฐานะลูกค้า ) ก็เลยคิดว่าคนขายมันส่งของแล้วจริงๆ แล้วพอเราสังเกตุเห็นว่าไม่มีเลข Tracking Number เพื่อยืนยันว่ามีการส่งจริงๆ ( ตรงที่มี วงรีสีม่วง ล้อมรอบอยู่ในภาพข้างบนนี้ ) / ทางคนขายก็จะบอกว่า... |
![]() |
(
ภาพบน ) คนขายก็จะบอกว่า ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() * * * พูดง่ายๆคือ คนขายมันวางแผนเอาไว้อย่างนี้ตั้งแต่แรกแล้ว ว่าถ้าราคาประมูลจบในราคาที่ต่ำกว่าท้องตลาด มันก็จะไม่ส่งของให้ แล้วก็จะไปหลอกทางอีเบย์ว่าส่งของแล้ว / ส่วนการที่ไม่มีเลข Tracking Number มันก็จะอ้างว่า เพราะเป็นการส่งฟรี ก็เลยไม่มีเลข Tracking Number ให้ / ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เป็นแผนของคนขาย ที่วางแผนไว้แต่แรกแล้ว * * * |
![]() |
(
ภาพบน ) คนขายมันรู้แต่แรกแล้วว่า
พอครบ 1 เดือนแล้วลูกค้ายังไม่ได้รับสินค้า
ลูกค้าก็ต้องฟ้องมาทางบริษัทอีเบย์แน่ มันก็เลยรอไปเรื่อยๆจนครบ 1
เดือน เพื่อรอให้เราฟ้องอีเบย์ |
![]() ![]() |
(
ภาพบน ) แล้วพอเราฟ้องไปทางอีเบย์แล้ว
( ตามแผนของมัน ) /
คนขายคนนี้ก็รีบคืนเงินให้เราทันที โดยไม่เถียงเราสักคำ |
![]() ![]() |
(
ภาพบน ) แล้วพอทีมงาน Tuvagroup.com
จะฟ้องอีเบย์ให้ทราบถึงพิรุธของคนขายรายนี้ (
ว่าคืนเงินเร็วเกินไป อาจจะมีการโกงเกิดขึ้นคือ .... )
ยังไม่ทันที่จะอธิบายเลย ทางอีเบย์ก็ปิดเคสไปแล้ว (
ตรงที่มี
ขีดเส้นใต้สีม่วง
อยู่ในภาพข้างบนนี้ ) |
![]() |
(
ภาพบน ) การโกงของคนขายรายนี้
ก็จะเป็นอย่างที่พูดมาทั้งหมดข้างบนนี้แหละครับ และข้างล่างนี้ ก็คือคำเตือนสุดท้าย ก่อนที่เราจะจบเนื้อหาในเวบหน้านี้ครับผม |
![]() |
ของแถม - มันมีการส่งฟรีแบบที่มีเลข
Tracking Number ด้วย คุณต้องระวังให้ดี
ให้อ่านเพิ่มเติมที่ลิงค์นี้ครับ
http://www.tuvagroup.com/3Hpatic-001001U-581019-2310.html |
- END - |