การเพาะกายคือทางสายกลาง



       ในที่นี้ เราจะพูดเรื่อง Weight trainning นะครับ ซึ่งก็แปลว่าการบริหารโดยใช้แรงต้านทานจากลูกน้ำหนัก  ซึ่งกีฬา Weight trainning จะมีอยู่สามรูปแบบด้วยกัน คือ ฟิตเนส (Fitness) ,เพาะกาย (Body building)  และแข่งขันยกน้ำหนัก (Power lifting) และแน่นอนว่าลักษณะรูปแบบการใช้ชีวิต ,การกิน ,การฝึก ย่อมไม่เหมือนกันเลย เพราะถ้าเหมือนกัน ก็ย่อมเป็นกีฬาตัวเดียวกัน จริงไหมครับ

       เหตุที่ผมเอาเรื่องพวกนี้มาคุยกัน ก็เพราะผมเห็นปัญหาแล้วว่า เพื่อนสมาชิกบางคน แยกไม่ออกว่าตอนนี้ตัวเองกำลังเป็นนักกีฬาประเภทไหนกันแน่ คือปากบอกว่าเป็นนักเพาะกาย แต่ในทางปฏิบัติ ดันไปเอารูปแบบการใช้ชีวิตของพวกนักฟิตเนสมาใช้เสียนี่  แล้วอย่างนี้ คุณจะไปประสบความสำเร็จในกีฬาเพาะกายได้อย่างไรล่ะครับ?  คือว่ารูปแบบของกีฬาฟิตเนส ,เพาะกาย และกีฬาแข่งขันยกน้ำหนัก มันมีลักษณะเฉพาะตัวครับ  ยกตัวอย่างเช่น การวิ่งก่อนฝึก Weight trainning เป็นสิ่งที่ "ต้องทำ" สำหรับกีฬาฟิตเนส แต่ เป็นสิ่ง "ต้องห้าม" สำหรับกีฬาเพาะกาย (คือ ถ้าเป็นการเพาะกายนั้น ห้ามมีการออกกำลังจำพวก วิ่ง ,ปั่นจักรยานอยู่กับที่ ก่อนเริ่มยกลูกน้ำหนักในวันที่ฝึกอย่างเด็ดขาด ทุกกรณีครับ ในขณะที่กีฬาฟิตเนส มองว่า การวิ่งคือการวอร์มก่อนฝึก Weight trainning ซึ่งนั่นก็เป็นตำราของพวกฟิตเนสเขาครับ )  ดังนั้น ให้คุณตรวจสอบตัวเองก่อนว่าตอนนี้ เดินหลงทางหรือเปล่า ถ้าเลือกเพาะกาย ก็ต้องฝึกแบบเพาะกาย


       (ภาพบน) ตึงเกินไป! - กีฬาฟิตเนส คือกีฬาที่ตึงเกินไป ทั้งรูปแบบการดำเนินชีวิต ,รูปแบบการกิน ฯลฯ และที่สำคัญคือ ห้ามกินเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอลล์ 



       (ภาพบน) ทางสายกลาง! - กีฬาเพาะกาย คือทางสายกลาง หมายความว่า คุณสามารถทานอะไรก็ได้ ไม่มีข้อห้ามอะไร แต่อย่างไรเสียก็ยัง ห้ามกินเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอลล์ 



       (ภาพบน) หย่อนเกินไป! - กีฬาแข่งขันยกน้ำหนัก คุณสามารถทานอะไรก็ได้ (คล้ายกับนักเพาะกาย) และคุณสามารถดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอลล์ได้ (คือไม่มีข้อห้ามอะไรเลย) 



       ขั้นตอนแรกคือคุณต้องเลือกรูปแบบกีฬาก่อนว่าต้องการตัวไหน  ถ้ารูปแบบที่คุณเลือกคืออยากมีหุ่นเหมือนนักกีฬาเพาะกาย คุณก็ต้องใช้ชีวิตแบบนักเพาะกายนั่นคือ

       1.ไม่ตึงเกินไป - เพราะถ้าตึงเกินไป ก็แสดงว่าคุณไปเอารูปแบบชีวิตของนักกีฬาฟิตเนสมาใช้เสียแล้ว  คำว่าตึงเกินไปได้แก่อะไรบ้าง? ก็คือการที่ต้องคอยมาชั่งน้ำหนักอาหารทุกมื้อ ,ของทอดก็กินไม่ได้ ,ขนมหวาน พวกครีมก็ทานไม่ได้ ,ของหวานก็ต้องถูกจำกัดอยู่ในวงแคบ ทั้งชนิด และปริมาณที่จะใช้ทาน

       คือว่า ผมไม่ได้ห้าม เพราะบางคนก็คิดว่าชีวิตของเขาคงมีความสุข ที่จะตีกรอบตัวเองให้อยู่ในข้อห้ามต่างๆ ซึ่งถ้าคุณมีความสุขกับรูปแบบชีวิตแบบนี้ ก็ทำได้ครับแต่ให้หันไปศึกษากีฬาฟิตเนสเอา อย่ามาเสียเวลาอยู่กับตำราการเพาะกายเลย

       2.ไม่หย่อนเกินไป - เพื่อนสมาชิกบางคน เขียนเมลล์มาบอกผมว่า เขาจำเป็นต้องทานเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอลล์ เพราะต้องเข้าสังคม แต่ก็ยังอยากยกลูกน้ำหนักด้วย  ในกรณีนี้ ผมให้คำตอบว่าตัวผมเองก็มีสังคม แต่ผมไม่เห็นต้องใช้แอลกอฮอลล์เลย คิดไปเองหรือเปล่าว่าถ้าเข้าสังคมแล้วจะต้องใช้แอลกอฮออล์ แต่เอาล่ะ เราไม่คุยกันในประเด็นเรื่องดื่ม หรือไม่ดื่ม เราคุยกันว่า ถ้าคุณไม่ต้องการตัดแอลกอฮอลล์ออกจากชีวิต และก็ไม่ต้องการตัดการยกลูกน้ำหนักออกจากชีวิตด้วย    กรณีนี้ ผมแนะนำให้คุณไปศึกษากีฬาแข่งขันยกน้ำหนักดีกว่า อย่าเสียเวลาอยู่กับการศึกษาตำราเพาะกายเลย เพราะฝึกไปก็ไม่ได้ผล  หนทางที่คุณจะไป ก็คือหุ่นเหมือนนักกีฬายกน้ำหนักในรูปข้างบนนั่นแหละครับ ทั้งๆที่เขาก็ยกลูกเหล็ก แต่ทำไมหุ่นเขาบานเบอะขนาดนั้น คำตอบก็คือแอลกอฮอลล์ไง

       ผมแยกได้เป็นข้อๆดังนี้นะครับ

       1.การกินของทอด ถือเป็นความล้มเหลวในกีฬาฟิตเนส แต่เป็นความธรรมดาในกีฬาเพาะกาย และแข่งขันยกน้ำหนัก

       2.การกินแอลกอฮอลล์ ถือเป็นความล้มเหลวในกีฬาฟิตเนส และกีฬาเพาะกาย แต่เป็นความธรรมดาในกีฬาแข่งขันยกน้ำหนัก

       ถ้าให้แนะนำ ผมแนะนำให้คุณเล่นเพาะกายดีกว่า เพราะคุณจะได้ไม่เครียดกับรูปแบบชีวิตของนักกีฬาฟิตเนสจนเกินไป และในขณะเดียวกัน คุณก็ไม่ปล่อยปละละเลยตัวเองจนเละเทะเกินไปเหมือนพวกกีฬาแข่งขันยกน้ำหนักน่ะครับ
(คำว่าปล่อยปละละเลยในที่นี้ ผมหมายถึงในแง่อาหารการกินนะครับ ไม่ได้พูดถึงในแง่ของการฝึก เพราะพวกกีฬาแข่งขันยกน้ำหนักนั้น  เขาฝึกหนักกว่านักเพาะกายมากมาย )

- END -